เมื่อวานนี้ Apple บริษัทมูลค่ามากสุดในโลก ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 (เดือน มกราคม - มีนาคม) ออกมา
- รายได้ 3,168,000 ล้านบาท เติบโต 5% (เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว)
- กำไร 823,000 ล้านบาท เติบโต 4.8%
โดยรายได้ กำไร ที่เพิ่มขึ้น มาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น iPhone, Mac ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการ อย่างเช่น App Store, iCloud ที่เติบโตดีเป็นพิเศษถึง 11.6%
แต่ถึงรายได้ กำไร ในไตรมาสนี้จะเติบโต แต่คุณ ทิม คุก ซีอีโอของ Apple ก็ได้ออกมาบอกว่า นโยบายภาษีของคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป นั้นคาดการณ์ได้ยากมาก
ส่วนในไตรมาสนี้ นโยบายภาษียังส่งผลต่อบริษัทไม่มาก เพราะว่าบริษัทยังจัดการห่วงโซ่อุปทานได้ทัน
โดยบริษัทได้นำเข้า iPhone จำนวนมากจากอินเดีย จนมีสัดส่วนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของ iPhone ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ตอนนี้
ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ บริษัทก็ได้หันไปนำเข้าจากเวียดนามแทน ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะว่าทั้ง อินเดีย และ เวียดนาม มีอัตราภาษีนำเข้าน้อยกว่าจีน
นอกจากนั้นบริษัทยังหันไปซื้อชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จำนวนมากถึง 19,000 ล้านชิ้น เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าอีกด้วย
และในไตรมาสนี้ บริษัทยังได้ประกาศซื้อหุ้นคืนอีก 3,300,000 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 4% ในอัตรา 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น
จะเห็นได้ว่า ในไตรมาสนี้ ทั้งรายได้ และ กำไร โดยรวมยังเติบโตอยู่ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายภาษีในอนาคตที่เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
และความไม่แน่นอนตรงนี้ ก็ส่งผลให้ราคาหุ้น Apple หลังตลาดปิดเมื่อคืน ร่วง -4% นั่นเอง..