สเปก iPhone 17- iPhone Air และทุกโปรดักต์ที่เปิดตัวใน Apple Event 2025

แอปเปิล (Apple) จัดงาน Apple Event 2025 ซึ่งเป็นงานเปิดตัวสินค้าประจำปี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ที่ Apple Park ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ Apple ที่ตั้งอยู่ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการรอคอยของแฟนๆ แบรนด์ Apple ทั่วโลก

ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple เริ่มงานด้วยการกล่าวสั้นๆ เกี่ยวกับมุมมองของ Apple ที่มีต่อการออกแบบ โดยกล่าวว่า การออกแบบ “เป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ” 

“การออกแบบเป็นเป็นรากฐานของความตัวตนของเราและสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด การออกแบบไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องรูปลักษณ์หรือความรู้สึกจากสัมผัสบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น แต่การออกแบบยังรวมไปถึงวิธีการทำงานของสิ่งนั้นด้วย” 

ในงาน Apple Event ปีนี้ มีการเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ ได้แก่ iPhone 17 Series (ซึ่งประกอบด้วย iPhone 17, iPhone Air และ iPhone 17 Pro กับ iPhone 17 Pro Max), AirPods Pro 3, Apple Watch Ultra 3, Apple Watch Series 11 และ Apple Watch SE 3 

โปรดักต์ใหม่ของ Apple แต่ละโมเดลมีคุณสมบัติ ดังนี้ 

iPhone 17

• มี 5 สี ได้แก่ สีดำ สีลาเวนเดอร์ สีฟ้าหมอก สีเขียวเสจ และสีขาว
• กล้องหน้า Center Stage ใหม่ที่ยกระดับการถ่ายเซลฟี่ให้ล้ำขึ้น
• กล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48 MP
• เทเลโฟโต้ 2 เท่า คุณภาพระดับออปติคัล 
• กล้องอัลตร้าไวด์ Fusion ความละเอียด 48MP
• จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.3 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่ใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น 
• ด้านหน้า Ceramic Shield 2 ใหม่ แข็งแกร่งกว่ากระจกหรือกลาสเซรามิกไหนๆ ที่สมาร์ทโฟนเคยมีมา ทนการขีดข่วนได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 3 เท่า 
• ขับเคลื่อนด้วยชิป A19 เจเนอเรชั่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและอายุการใช้งานยาวนาน
• CPU แบบ 6-core
• GPU แบบ 5-core 
• แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวันพร้อมการชาร์จเร็ว
• พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้น 256GB

ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท เปิดให้จองในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

iPhone Air 

• บางเพียง 5.6 มิลมิเมตร เป็น iPhone ที่บางที่สุดที่เคยมีมา 
• จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว
• มี 4 สี ได้แก่ สีดำสเปซแบล็ค สีขาวปุยเมฆ สีทองอ่อน และสีสกายบลู 
• กรอบทำมาจากไทเทเนียมเกรด 5 น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง 
• ด้านหลังปกป้องด้วย Ceramic Shield ด้านหน้าใช้ Ceramic Shield 2 ซึ่งทนการขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า ทำให้ iPhone Air ทนทานกว่า iPhone ทุกรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า
• จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมด้วย ProMotion ที่ปรับอัตรารีเฟรชได้สูงสุด 120Hz
• ใช้ e-sim ไม่มีถาดใส่ซิม 
• ขับเคลื่อนด้วย Apple Silicon ทั้งชิป A19 Pro สุดแรง, N1 และ C1X ทำให้เป็น iPhone ที่ประหยัดพลังงานมากที่เคยมีมา 
• แบตเตอรี่ใช้งานได้นานตลอดวัน 
• กล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48MP ทรงพลังเทียบเท่าการมีเลนส์ 4 ตัว 
• กล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18 MP ที่ยกระดับการถ่ายเซลฟี่
• พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้น 256 GB

ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท เปิดให้จองในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max

• ตัวเครื่องอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียวที่ขึ้นรูปด้วยความร้อน ใช้อะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศ เบาและระบายความร้อนดี
• มี 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม สีส้มคอสมิก และสีเงิน 
• จอภาพ Super Retina XDR
• ขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว 
• ด้านหน้าปกป้องก้วย Ceramic Shield 2 ทนทานการขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า และด้านหลังหลัง Ceramic Shield
• กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้แบบใหม่หมด เป็นระบบกล้อง Fusion ความละเอียด 48MP ทั้ง 3 ตัว ซึ่งเทียบเท่ากับการมีเลนส์ 8 ตัว การซูมออปติคัล 8 เท่า ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone 

• กล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18MP ยกระดับการถ่ายเซลฟี่ 
• ชิป A19 Pro ทรงพลังและประหยัดพลังงาน เหมาะกับการเล่นเกมและการตัดต่อวิดีโอ
• ระบบประมวลผล (CPU) 6-Core เร็วที่สุดที่มีในโทรศัพท์มือถือ
• ระบบอัจฉริยะ Apple Intelligence
• ฟีเจอร์วิดีโอใหม่ระดับอุตสาหกรรม ออกแบบมาสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์
• เป็น iPhone ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยมีมา
• แบตเตอรี่ใช้งานได้นานตลอดวัน
• ชาร์จเร็ว ชาร์จได้ 50 เปอร์เซ็นต์ภายใน 20 นาที

• พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้น 256GB

ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท เปิดให้จองในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

Apple Watch Ultra 3

• ตัวเรือนผลิตจากไททาเนียม มี 2 สี สีธรรมชาติ และสีดำ 
• หน้าจอใหญ่สุดในบรรดา Apple Watch ทุกรุ่น 
• จอภาพ Retina แบบติดตลอด สูงสุด 3,000 นิต OLED มุมกว้าง LTPO3
• จอภาพที่มีอัตราการรีเฟรช 1Hz ตลอดเวลา
• รองรับเครือข่ายเซลลูลาร์ 5G GPS ที่แม่นยำที่สุดในนาฬิกาสปอร์ต 
• แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 42 ชั่วโมง และสูงสุด 72 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน 
• การสื่อสารผ่านดาวเทียม ช่วยให้ติดต่อฉุกเฉินหรือแชร์ตำแหน่งที่อยู่ได้แม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 
• การแจ้งเตือนสัญญาณความดันโลหิตสูง
• ให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพที่ล้ำสมัย เช่น ให้คะแนนการนอนหลับ
• Workout Buddy ประสบการณ์การออกกำลังกายแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence 

ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

Apple Watch Series 11

• มี 2 ขนาด คือ 42 มม. และ 46 มม. 
• ตัวเรือนมีให้เลือก 2 แบบ คือ ตัวเรือนอะลูมิเนียม (มีสีดำเจ็ทแบล็ก โรสโกลด์ สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์แบบใหม่) และตัวเรือนไทเทเนียมขัดเงา (สีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลต) 
• จอภาพ Retina แบบติดตลอด สูงสุด 2,000 นิต OLED มุมกว้าง LTPO3
• หน้าจอทนทานต่อรอยขีดข่วนมากกว่าเดิม 2 เท่า
• การใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 24 ชั่วโมง 
• แจ้งเตือนความดันโลหิตสูง
• ให้คะแนนการนอนหลับ
• Workout Buddy ประสบการณ์ออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence

ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

Apple Watch SE 3

• มี 2 ขนาด คือ 40 มม. และ 44 มม. 
• ตัวเรือนอะลูมิเนียม 
• มี 2 สี  คือ สีมิดไนท์ (ดำ) และสีสตาร์ไลท์ (เงิน)
• จอภาพ Retina แบบติดตลอด สูงสุด 1,000 นิต OLED LTPO
• ชิป S10 ช่วยให้ Siri ทำงานเร็วขึ้น และแยกเสียงเพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้าง
• แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 18 ชั่วโมง
• ชาร์จเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าสูงสุด 2 เท่า โดยชาร์จ 15 นาที ใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง และสามารถชาร์จถึงระดับ 80% ได้ใน 45 นาที
• กระจกครอบที่ทำจากกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม smart watch 
• เพิ่มการให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น คะแนนการนอนหลับ 
• ติดตามค่าอุณหภูมิข้อมือ
• ประเมินการตกไข่จากข้อมูลย้อนหลัง
• Workout Buddy ประสบการณ์ออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence

ราคาเริ่มต้น 8,500 บาท จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2568

AirPods Pro 3 

• ดีไซน์ที่อัปเดตให้ใส่ได้พอดีกับหูยิ่งขึ้น และกระชับติดอยู่กับหูได้มั่นคงขึ้น
• ตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (ANC) สามารถตัดเสียงรบกวนได้มากกว่า AirPods Pro รุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า และมากกว่า AirPods Pro รุ่นเดิมถึง 4 เท่า 
• ฟังเพลงพร้อมตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง นานกว่ารุ่นก่อนหน้า 33%
• วัดอัตราการเต้นของหัวใจและติดตามการออกกำลังกว่า 50 ประเภท
• การแปลภาษาสด ช่วยในการพูดคุยของคนที่พูดต่างภาษา 

ราคา 8,490 บาท จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้