Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์อาจต้องคืนภาษีหลายแสนล้านที่เก็บไป ธุรกิจเริ่มถามถึงการคืนเงิน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์อาจต้องคืนภาษีหลายแสนล้านที่เก็บไป ธุรกิจเริ่มถามถึงการคืนเงิน

5 ก.ย. 68
11:19 น.
แชร์

ความหวังของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทำให้สหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งโดยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในอัตราสูง อาจไม่สวยงามตามที่หวัง เพราะศาลอุทธรณ์สหรัฐฯมีคำตัดสินออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า การสั่งเก็บภาษีของทรัมป์ ‘ไม่ชอบด้วยกฎหมาย’ 

ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าการที่ทรัมป์ใช้อำนาจตามรัฐบัญญัติอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (International Economic Emergency Powers Act: IEEPA) สั่งเก็บภาษีนั้นไม่เข้าเงื่อนไขที่จะใช้ได้ หลังจากที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (Court of International Trade) ตัดสินเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า การใช้ IEEPA เพื่อประกาศ ‘ภาษีตอบโต้’ (Reciprocal Tariffs) รวมถึงภาษี ‘Liberation Day’ ของทรัมป์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ศาลอุทธรณ์ให้คำสั่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 หมายความว่าศาลยังให้เวลารัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีต่อไปได้เป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนครึ่งหลังจากศาลตัดสิน 

จับตา ศาลจะสั่งคืนภาษีทั้งหมดหรือไม่ 

ตามการรายงานของ CNBC เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์บอกว่า สถานการณ์การดำเนินงานในอุตสาหกรรมขนส่งและซัพพลายเชนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้านี้เท่าไรนัก แต่คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ได้เพิ่มความไม่แน่นอน ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจเต็มไปด้วยความลังเลตลอดปี 2025 และการที่รัฐบาลทรัมป์บอกว่าจะยื่นฎีกา ทำให้ผู้ขนส่งยังรอดูสถานการณ์ว่าศาลสูงสุดจะตัดสินอย่างไร 

มีการคาดการณ์ว่าศาลสูงสุดน่าจะตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่สิ่งที่ต้องจับตามองและลุ้นกันมากกว่านั้นคือ ศาลจะตัดสินให้รัฐบาลสหรัฐต้องคืนเงินภาษีที่เก็บมาให้แก่ภาคธุรกิจหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ภาคธุรกิจตั้งคำถามกันหนักว่าจะได้เงินภาษีคืนหรือไม่ วิธีการและขั้นตอนการคืนจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน อนาคตของข้อตกลงทางการค้าต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯเจรจากับประเทศอื่นๆ ภายใต้แรงกดดันของภาษีนี้ ก็ถูกตั้งคำถามขึ้นมาเช่นกัน 

ทรัมป์เองก็ยอมรับเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาว่า หากศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ อาจส่งผลให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯต้องคืนเงินรายได้จากภาษีศุลกากรที่เก็บมา ดังนั้น เขาจึงพยายามให้ทีมบริหารของเขาดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ศาลสูงสุดพิจารณาและตัดสินโดยเร็ว ด้วยความหวังจะคงอำนาจจัดเก็บภาษีเอาไว้หลังวันที่ 14 ตุลาคม และความเคลื่อนไหวล่าสุดในวันที่ 4 กันยายน รัฐบาลทรัมป์ได้ยื่นฎีกาต่อศาลสูงสุดแล้ว 

ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกระทรวงการคลังที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สหรัฐฯจัดเก็บรายได้จากภาษีศุลกากรได้ 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนกันยายน ขณะที่ข้อมูลจากการรายงานของ CNN นับถึงวันที่ 24 สิงหาคม ธุรกิจอเมริกันจ่ายเงินค่าภาษีนำเข้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 210,000 ล้านดอลลาร์ หากศาลมีคำสั่งให้คืนเงินภาษีจริง คาดว่ากว่าจะถึงวันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้ มูลค่าเงินภาษีที่เก็บไปแล้วอาจเพิ่มเป็นหลายแสนล้านดอลลาร์ 

ธุรกิจถามจะคืนภาษีอย่างไร 

ไมก์ ชอร์ต (Mike Short) ประธานฝ่ายขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของ C.H. Robinson บริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ให้ข้อมูลว่า บริษัทของเขาได้รับการติดต่อจากลูกค้า (ผู้นำเข้า) หลายรายที่ต้องการความชัดเจนว่าเรื่องนี้จะไปถึงศาลสูงหรือไม่ แล้วศาลสูงสุดจะตัดสินยืนตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์หรือเปล่า และขั้นตอนการขอคืนเงินภาษีคืนจะเป็นอย่างไร 

ชอร์ตบอกว่า ภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ที่เก็บจากสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ และภาษีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งกระทบการนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเงินภาษีที่ผู้นำเข้าซึ่งเป็นลูกค้าของเขาต้องจ่าย ดังนั้น ผู้นำเข้าจึงกระตือรือร้นที่จะรู้และวางแผนเพื่อรับมือความเป็นไปได้ต่างๆ

ชอร์ตกล่าวอีกว่า หากศาลสูงพิจารณาคดีและตัดสินยืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าคำตัดสินจะสั่งให้คืนเงินภาษีที่จ่ายไปแล้วด้วย หรือเพียงแต่จะห้ามเก็บภาษีในอนาคต ถ้าคำตัดสินครอบคลุมถึงการคืนภาษีที่เก็บไปแล้ว การคืนเงินอาจเกิดขึ้นได้สองวิธี คือ การคืนเงินโดยอัตโนมัติ กับการให้ผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าเป็นฝ่ายยื่นขอเงินคืน 

“ถ้าเป็นกรณีหลัง ภาระงานของทีมศุลกากรของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในชั่วข้ามคืน และจะต้องรับมือกับผู้นำเข้าที่กระตือรือร้นอย่างมากที่จะได้เงินคืน”

จอช ไทเทลบอม (Josh Teitelbaum) ที่ปรึกษาอาวุโสของสำนักงานกฎหมาย Akin และอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เป็นอีกคนที่ให้ข้อมูลว่า ลูกค้าของบริษัทของเขากำลังเลเลสับสน แต่บริษัทกำลังแนะนำลูกค้าให้ดำเนินการตามปกติ ไม่ควรเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดหาสินค้าโดยอิงตามการคาดเดาว่าศาลสูงจะตัดสินอย่างไร เพราะมันไม่แน่นอน

“หากศาลบอกว่าประธานาธิบดีใช้อำนาจเกินขอบเขต เขาก็มีแนวโน้มสูงที่จะกำหนดภาษีใหม่ภายใต้อำนาจอื่นๆ ซึ่งแต่ละกฎหมายก็มีข้อกำหนดและข้อจำกัดของตัวเอง ทั้งในด้านอัตราภาษีและระยะเวลาการบังคับใช้” เขาเสริม

การคืนภาษีจะง่ายหรือยาก ?  

ในกรณีที่ศาลสูงรับคดีและตัดสินว่าภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เฟลิเซีย พูลแลม (Felicia Pullam) อดีตผู้อำนวยการบริหารสำนักงานความสัมพันธ์ทางการค้าของหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐ (U.S. Customs and Border Protection) และผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายภูมิศาสตร์การค้าของศูนย์การค้า การลงทุน และการเข้าถึงตลาดของ APCO (APCO’s Center for Trade, Investment and Market Access) แสดงความเห็นว่า ในระยะสั้น การคืนภาษีศุลกากรจะเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับรัฐบาล แต่ก็สามารถทำได้ มันอาจไม่ใช่สิ่งที่จะทำแล้วเสร็จในเวลาชั่วข้ามคืน แต่สามารถวางกระบวนการและทรัพยากรเพื่อจัดการได้โดยใช้เวลาประมาณหนึ่ง 

เธอบอกอีกว่า ยิ่งรัฐบาลเก็บภาษี IEEPA ไปนานเท่าใด ปัญหาก็ยิ่งจะใหญ่ขึ้นหากรัฐบาลจำเป็นต้องคืนเงิน เนื่องจากภาษีเหล่านี้ถูกมองว่าเสี่ยงทางกฎหมายมาตลอด ดังนั้น การเปลี่ยนไปใช้ภาษีประเภทอื่นจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและต่อรัฐบาลทรัมป์มากกว่า 

แดน แอนโทนี (Dan Anthony) ประธานบริษัท Trade Partnership Worldwide ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศแสดงความเห็นว่า กระบวนการคืนเงินภาษีจะยากหรือง่ายแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเลือกทำให้มันยากหรือไม่ 

เขาอธิบายว่า จริงๆ แล้วการคืนภาษีสามารถทำให้ง่ายได้โดยการคืนเงินแบบครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งกระบวนการค่อนข้างตรงไปตรงมา เนื่องจากสินค้านำเข้าที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดมีรหัส IEEPA เฉพาะเจาะจง และภาษีที่เก็บภายใต้คำสั่งนี้ก็มีการระบุจำนวนแยกเฉพาะ ซึ่งควรจะอนุญาตให้มีการคืนเงินโดยอัตโนมัติได้ แต่ถ้าต้องยื่นคำร้องเป็นรายกรณี มันจะซับซ้อนขึ้นอย่างมหาศาล 

แอนโทนีบอกอีกว่า ธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้บุคคลที่สาม (เช่น UPS, FedEx, DHL หรือนายหน้าศุลกากร) เป็นผู้นำเข้าตามกฎหมาย จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น เพราะในกรณีเหล่านี้ รัฐบาลสหรัฐฯจะคืนเงินให้แก่บุคคลที่สามที่เป็นตัวแทนดำเนินการนำเข้า จากนั้นผู้ดำเนินการนำเข้าต้องสร้างกระบวนการคืนเงินให้กับลูกค้า ซึ่งอาจทำให้ผู้นำเข้าได้รับเงินช้า แม้ว่ากระบวนการของรัฐบาลจะดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ตาม

อ้างอิง : CNBC, CNN

แชร์
ทรัมป์อาจต้องคืนภาษีหลายแสนล้านที่เก็บไป ธุรกิจเริ่มถามถึงการคืนเงิน