Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทองพุ่งทำสถิติใหม่ หลังเฟดส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ย การเมืองสหรัฐฯปั่นป่วน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทองพุ่งทำสถิติใหม่ หลังเฟดส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ย การเมืองสหรัฐฯปั่นป่วน

2 ก.ย. 68
11:02 น.
แชร์

ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ทะลุ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทะลุสถิติเดือนเมษายน ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย จุดไฟกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยทั่วโลกอีกระลอก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐและแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนความกังวลของตลาดที่กำลังจับตาทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งยังไร้ความชัดเจน

Bloomberg ระบุว่า ณ เวลา 10:43 น. ที่สิงคโปร์ ราคาทองคำสปอตขยับขึ้นต่อเนื่อง 0.6% สู่ระดับ 3,497.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนแรงซื้อในตลาดโลกที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ดัชนี Bloomberg Dollar Spot ทรงตัวอยู่ที่ 40.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในส่วนของตลาดภายในประเทศ (ประกาศครั้งที่ 1) ราคาทองคำแท่งอยู่ที่รับซื้อบาทละ 53,200 บาท และขายออกบาทละ 53,300 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้อที่บาทละ 52,135.24 บาท และขายออกที่บาทละ 54,100 บาท สะท้อนแรงเกาะกระแสราคาทองโลกที่พุ่งสูง

แรงหนุนสำคัญมาจากถ้อยแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่เปิดทางอย่างระมัดระวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนกำลังรอรายงานการจ้างงานสหรัฐซึ่งจะประกาศปลายสัปดาห์นี้ หากข้อมูลสะท้อนการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ก็จะยิ่งตอกย้ำเหตุผลในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และทำให้ทองคำยิ่งดึงดูดมากขึ้น แม้เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยโดยตรง

ในอีกด้านหนึ่ง ความปั่นป่วนทางการเมืองและเศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นแรงเสริมสำคัญ ทั้งแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่โจมตีการทำงานของเฟด รวมถึงความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ล้วนเพิ่มแรงขับให้ทองคำและเงินกลายเป็นที่พักเงินที่นักลงทุนทั่วโลกเชื่อมั่น ราคาของโลหะมีค่าทั้งสองปรับตัวขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา สะท้อนบทบาทที่ชัดเจนของทองคำและเงินในฐานะ “ที่หลบภัย” เมื่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงินทวีความรุนแรง

ราคาทองคำทะยาน แรงหนุนจากเฟดและตลาดแรงงาน

ราคาทองคำพุ่งแรงในช่วงเช้าวันนี้ โดยระหว่างการซื้อขายในเอเชีย ราคาส่งมอบทันทีปรับขึ้นสูงสุดถึง 0.9% แตะระดับ 3,508.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทะลุสถิติเดิมที่ทำไว้เมื่อเดือนเมษายน ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย ตามข้อมูลจาก Bloomberg นับตั้งแต่ต้นปี ทองคำทะยานขึ้นแล้วกว่า 30% กลายเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุดของปี

แรงซื้อรอบนี้ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยภายในเดือนนี้ หลังจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณ “เปิดประตูอย่างระมัดระวัง” ต่อการผ่อนคลายนโยบาย ขณะที่ตลาดกำลังรอรายงานการจ้างงานสหรัฐซึ่งจะเผยแพร่ในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะสะท้อนแรงแผ่วของตลาดแรงงาน และช่วยเพิ่มน้ำหนักต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟด

โจนิ เทเวส นักกลยุทธ์จากยูบีเอส กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า “นักลงทุนกำลังทยอยเพิ่มสัดส่วนทองคำในพอร์ต โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยใกล้เข้ามา ทำให้ราคามีแรงขยับต่อเนื่อง เรามองว่าทองคำยังมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในอีกหลายไตรมาส อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรง และความเสี่ยงเชิงมหภาคกับภูมิรัฐศาสตร์ ล้วนตอกย้ำบทบาททองคำในฐานะสินทรัพย์กระจายความเสี่ยงของนักลงทุน”

ความกังวลเฟด แรงกดดันจากการเมืองสหรัฐ

ข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ราคาทองคำและเงินเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยกราฟผลตอบแทนแบบ normalized แสดงให้เห็นถึงการเร่งตัวของกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แรงกดดันทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการค้าโลก

แรงกดดันรอบล่าสุดเกิดจากการโจมตีเฟดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐและบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน นักลงทุนยังจับตาการตัดสินของศาลเกี่ยวกับสิทธิของทรัมป์ในการปลดผู้ว่าการเฟด ลิซา คุก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจถือเป็นการแทรกแซงเชิงสถาบันที่สะเทือนต่อเสถียรภาพนโยบายการเงินสหรัฐ

นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์กลางยังตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า มาตรการภาษีศุลกากรทั่วโลกที่ทำเนียบขาวบังคับใช้ภายใต้กฎหมายฉุกเฉินเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผลลัพธ์คือความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้นำเข้า และความล่าช้าในการบรรลุผลทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลเคยประกาศไว้

ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำเคยทะยานทำสถิติสูงสุดในเดือนเมษายน หลังจากทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากคู่ค้าหลักของสหรัฐ แต่แรงขาขึ้นดังกล่าวกลับสะดุดลงและราคาถูกบีบให้อยู่ในกรอบแคบหลายเดือน เมื่อประธานาธิบดีผ่อนท่าทีบางส่วนในข้อเสนอด้านการค้า

มุมมองนักวิเคราะห์ แนวโน้มต่อไป

คริสโตเฟอร์ หว่อง นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Oversea-Chinese Banking Corp. ให้ความเห็นว่า “การเคลื่อนไหวเหนือระดับ 3,500 ดอลลาร์ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลาดจะจับตาอย่างใกล้ชิด หากราคาสามารถปิดเหนือเส้นนี้ได้ ก็อาจสร้างแรงส่งใหม่ให้การขึ้นรอบถัดไป อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายยังคงเป็นปัจจัยแฝง ซึ่งอาจกลายเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมต่อทองคำ”

เขาเตือนด้วยว่าระดับ “โซนเหนือ 3,500 ดอลลาร์” เป็นพื้นที่ที่ตลาดไม่เคยทดสอบมาก่อน ทำให้การตอบสนองของผู้เล่นรายใหญ่และทิศทางกระแสเงินลงทุนจะเป็นตัวชี้ขาดว่าแนวโน้มขาขึ้นมีแรงต่อเนื่องหรือไม่

ในอีกด้านหนึ่ง เงิน ซึ่งถือเป็นโลหะคู่ขนานราคาถูกกว่าทองคำ กลับแสดงผลงานที่ร้อนแรงกว่า โดยราคาพุ่งขึ้นกว่า 40% นับตั้งแต่ต้นปี และทะลุ 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 

ปัจจุบัน เงินไม่ได้ถูกมองเพียงในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ยังมีความต้องการสูงจากภาคอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด โดยเฉพาะการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดดุลอุปทานต่อเนื่องเป็นปีที่ห้า ตามข้อมูลจาก Silver Institute

แรงซื้อเงินยังสะท้อนผ่านกองทุน ETF ที่หนุนหลังด้วยโลหะชนิดนี้ ซึ่งเพิ่มการถือครองต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ปริมาณโลหะที่หมุนเวียนในตลาดลอนดอนลดลง สร้างภาวะตึงตัวจนค่าเช่าเงินระยะสั้นทรงตัวสูงราว 2% เมื่อเทียบกับระดับปกติใกล้ศูนย์

ความเคลื่อนไหวล่าสุดยังได้รับแรงสั่นสะเทือนจากฝั่งนโยบาย หลังรัฐบาลสหรัฐเพิ่งบรรจุเงินเข้าไปในบัญชีรายชื่อ “แร่ธาตุสำคัญ” ของวอชิงตัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีโลหะอย่างแพลเลเดียมแล้ว การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความกังวลว่าโลหะมีค่าอาจเผชิญมาตรการภาษีศุลกากรเพิ่มเติมในอนาคต


แชร์
ทองพุ่งทำสถิติใหม่ หลังเฟดส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ย การเมืองสหรัฐฯปั่นป่วน