ปรากฏการณ์ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น กับโลกความเป็นจริงบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่มียอดผู้ติดตาม 20 ล้านบัญชี โดย “เทศกาลเจนนี่” ที่มีการไลฟ์ขายของมาราธอนจนปิดยอดได้สูงเป็นประวัติการณ์ และไม่มีไลฟ์ช่องไหนในประเทศไทยจะมีผู้ติดตามชมมากเท่านี้อีกแล้ว จนทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงคนในวงการบันเทิง ต่างนำสินค้าไปให้เจนนี่ไลฟ์ขายอย่างมาต่อเนื่อง
โดย คุณวัชราทิตย์ เกษศรี ประธานกรรมการบริหาร บจก.รีพอร์เตอร์ เจอร์นี่ และ Creative Marketing ได้ถอดรหัสกลยุทธ์ “เทศกาลเจนนี่” สูตรสำเร็จกับโลกความเป็นจริงบน TikTok Shop อะไรที่ทำให้เกิดแรงดึงดูดการกดตะกร้า Emotional Capital และ Storytelling สำคัญมากน้อยแค่ไหน?
สำรับในความคิดเห็นส่วนตัวที่มีการประกอบกับหลักคิดทางการตลาด ซึ่งต้องบอกอย่างนี้เรื่องของ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่เป็นกระแสในตอนนี้ จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่นักการตลาดเองก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน เพราะว่าไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆและบ่อยครั้ง หรือแม้แต่คนที่มีฟอลโลเวอร์เยอะกว่าเจนนี่ก็ไม่ได้ทำได้แบบนี้ ซึ่งจริงๆเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องโฟกัส
- Emotional Capital สิ่งนี้มันคือต้นทุนทางอารมณ์ มันเชื่มโยงระหว่างผู้ขายกับผู้ชมให้รู้สึกว่าสินค้านี้ไม่ใล่เป็นแค่ การซื้อมาและขายไประหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่สินค้านี้เป็นการซื้อกับตัวบุคคล ซึ่งก็คือตัวเจนนี่ ที่เหมือนเป็นการให้กำลังใจคนขยัน คนทำงานและการตัดสินใจซื้อด้วยความรู้สึก คือจะบอกว่าในช่วงที่ผ่านมา เจนนี่เขามีประเด็นเรื่องครอบครัวที่ดราม่ากันอยู่ แน่นอนว่ามันก็มีความเห็นของสังคมออกมาหลากหลายมุมมอง
แต่แน่นอนกลุ่มที่เป็นแฟนคลับที่สนับสนุนเจนนี่ ก็ทำให้รู้สึกว่าการที่เด็กคนหนึ่งออกมาพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับครอบครัวซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างไพรเวทดังนั้นความเห็นอกเห็นใจมันเลยเริ่มขึ้นจากตรงนี้ เมื่อความเห็นอกเห็นใจมันเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เขาก็รู้ว่าเจนนี่ไลฟ์ขายของอยู่ ดังนั้นคนที่สนับสนุนเจนนี่ถ้าจะส่งกำลังใจให้อย่างง่ายที่สุด ก็คือการสนับสนุนสินค้าหรือว่าซื้อของผ่านไลฟ์นั่นเอง ดังนั้นมันการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เพื่อที่จะสนับสนุนสินค้าผ่านการให้กำลังใจอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน
- กลยุทธ์ที่เข้ามารองรับ เพื่อกระตุ้นให้คุณสามารถซื้อของได้เยอะขึ้น โกยคนเข้ามาเพื่อที่จะกดตะกร้า หรือว่าตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น สิ่งที่เขาเรียกว่าโอกาสในการขายของ กล่าวอย่างง่ายๆก็คือการสร้างนาทีทอง ซึ่งเจนนี่กับทีมใช้ช่วงเวลานาทีทองเพื่อให้สนใจสินค้าในช่วงที่จับเวลา ไม่ว่าจะเป็น 5-10 นาที อย่างที่เราเห็นเรามันดารา-อินฟลูเอนเซอร์ หรือเจ้าของแบรนด์ที่เขามาไลฟ์ขายของในช่วงสั้นๆ วิธีนี้เป็นวิธีกระตุ้นยอดขายให้สินค้าหมดไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้โปรโมชั่นลดพิเศษ เป็นดีลเฉพาะไลฟ์นี้เท่านั้น
ยิ่งการขายของของเจนนี่มันมีความขายแบบไม่ขาย หมายความว่าคือการขายของไปด้วยเล่นไปด้วยเห็นบรรยากาศต่างๆไปด้วยหรือแม้กระทั่งมีการใส่ความเป็นตัวเองไปด้วยแบบนี้ มันเลยทำให้ช่วงนาทีทองกลายเป็นช่วงเวลาที่คนได้เห็นความเรียลของตัวผู้ขายและตัวเจนนี่และเพื่อนๆ และการที่เจนนี่หรือยิวมีการพูดต่อรองกับเจ้าของแบรนด์สินค้าขอดีลพิเศษได้ไหมเฉพาะไลฟ์นี้
ซึ่งแน่นอนว่าคนที่กำลังดูอยู่ ณ ตอนนั้นมันก็ได้ปฏิกิริยาตอบกลับทั้ง 2 ฝ่าย ก็คือคนที่จะรอของฃในราคาที่มันถูกกว่านี้ พอมันได้ถูกอย่างที่สมใจอยากแล้วดีลนี้คนซื้อได้ประโยชน์ ถ้าไปซื้อเวลาอื่นอาจจะแพงกว่านี้ก็ได้ คนก็แห่กระหน่ำมากดซื้อนั่นเอง ช่วงเวลานี้เป็นช่วงกระตุ้นยอดขายของแบรนด์ และแพลตฟอร์มก็ให้ความสำคัญในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกันเพราะเป็นการทำงานร่วมกับ TikTok ดังนั้นการตัดสินใจซื้อมันเลยง่ายเป็นพิเศษ
- ความเป็นตัวของตัวเอง คือจริงๆแล้วนักไลฟ์สดนักขาย มันมีเยอะมากบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่เจนนี่ อาจจะโชคดีหน่อย เขามีฟอลโลเวอร์เยอะสร้างฐานของตัวเองมาตั้งแต่เป็นสมัยเป็นศิลปินและก็ไลฟ์ขายของมาเรื่อยๆ ดังนั้น คนที่เป็นผู้สนับสนุนเจนนี่ที่มีอยู่แล้ว ก็จะพอรู้สไตล์ว่าตัวตนของคนคนนี้เป็นอย่างไร เหมือนอย่างเราไปซื้อของที่ตลาด เราซื้อของที่ไม่จำเป็นเพียงเพราะ? พ่อค้าหล่อแม่ค้าสวยก็มี เพราะฉะนั้นเราซื้อของจากการที่เราเห็นแล้วเราชอบ เราอาจจะไม่ได้ชอบสินค้าก็ได้ เราชอบตัวบุคคลที่เป็นนักขาย สิ่งเหล่านี้มันเลยกระตุ้นทำให้คนอยากรู้สึกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้นี้ไม่ตกเทรนด์ ไม่ตกกระแส สิ่งที่ขายความเป็นตัวของตัวเองเลยทำให้ เจนนี่ เป็นคนหนึ่งที่ ประสบความสำเร็จในการไลฟ์ครั้งนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
- การสร้าง commitment ก็คือการสร้างพันธสัญญาอย่างเช่นล่าสุดมีการไลฟ์ขายน้ำหอมแบรนด์ดัง แล้วก็สัญญาว่าจะมี อั้ม พัชราภา มาทำให้ยอดขายแตะถึงที่เขาต้องการ นี่คือการสร้าง commitment อย่างหนึ่งว่าเมื่อให้คำมั่นสัญญาอะไรเอาไว้แล้วกับคนดู มันคือการบอกว่าเขาจะทำสิ่งนั้นถ้ามันไปถึงเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด ดังนั้นการมาดูไลฟ์ของเจนนี่ มันไม่ใช่เพียงการมาดูไลฟ์แล้วซื้อของ แต่มันคือการมาดูดาราด้วย เข้ามาดูศิลปินด้วย เข้ามาดูในสิ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นในหน้าจอทีวีหรือว่าหน้าจอ โซเชียลของแอคเคาต์อื่นๆ คือคนที่อยากเห็นดารา อยากติดตามดารา อยากเห็นมุมมองของดาราในฐานะอื่นๆที่ไม่ใช่นักแสดงบนหน้าจอ ก็เหมือนเป็นโชว์เคสอยากหนึ่งที่อยากให้คนอยากเข้ามาดูอยากเข้ามาเห็นพอ อั้ม พัชราภา เข้ามาคนดูหลักล้าน
ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในบรรดาการไลฟ์ของ TikTok ฉะนั้นเลยกลายเป็นว่าตอนนี้สิ่งที่เขาเองสร้างขึ้นมาก็คือการที่ตัวของเจนนี่และเหล่าดารา-อินฟลูเอนเซอร์ มาสร้างคอมมูนิตี้ร่วมกันทำให้คนได้เห็นโชว์โชว์หนึ่ง แล้วการขายของก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นผลพลอยได้ บางคนมาเพราะตามดาราบางคนมาเพราะว่าอยากจะซื้อของ แต่คนที่ตามดารามาก็อาจจะกลายเป็นลูกค้าไปโดยปริยาย ถ้าบรรยากาศในเวลานั้นที่คนรู้สึกว่ามันแม็ตพอดี ทำให้คนรู้สึกว่าอยากจะซื้อ มันก็ทำให้การไลฟ์เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
- Storytelling คือสร้างเรื่องราวและบรรยากาศที่ไม่ใช่แค่การขายสินค้า หมายความว่าถ้าเราไปดูไลฟ์เราจะเห็นว่าเขาไม่ใช่ว่าจะขายของอย่างเดียว คือมันก็จะมีมวลบางอย่าง บรรยากาศบางอย่างที่เป็นฟิลเหมือนเพื่อนชวนคุย เหมือนมีการแซวกัน การเล่นกันอะไรแบบนี้ คือบรรยากาศมันเหมือนเรามานั่งเม้าท์กับเพื่อน คือทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศดีมันไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเซลล์ฉันต้องขาย ฉันต้องเอายอดฉันต้องได้เงิน คือบรรยากาศมันชวนทำให้คนรู้สึกว่า สินค้าเป็นแค่ส่วนประกอบส่วนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วมาฟังคนคุยกัน เพราะว่าอย่างเราเองนั่งดูเราก็หัวเราะไปกับเขา สนุกไปกับเขาแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อสินค้ากับเขาก็ตาม พอนั่งดูไปแล้วมันติด บางทีดูเป็นชั่วโมงแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หมายความว่าคนที่เหล่านี้มันทำงานกับเราเรียบร้อยแล้ว มันทำให้คนอย่างเรา อยากคลายเครียดด้วยโดยการดูไลฟ์ การสร้าง Storytelling ต่างๆสร้างบรรยากาศต่างๆ ก็ทำให้การไลฟ์ขายออกได้ด้วยแรงของการพรีเซนต์หรือว่าแรงของการเชียร์ขายอะไรแบบนี้
- SharingStrategy สิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือว่าไม่ใช่เรื่องปกติในอุตสาหกรรมหรือว่าในธุรกิจของนักขาย คือการแบ่งปันให้กับผู้ขายอื่นๆ สุดท้ายมันก็ไม่ได้จบที่ว่าไลฟ์สดแล้วก็จบกัน มันก็มีการพูดถึงเรื่องของการแชร์ทักษะ หรือรูปแบบในการไลฟ์ยังไงให้สามารถต่อยอดได้ซึ่งปกติแล้ว เรื่องพวกนี้มันเป็นทักษะเฉพาะบุคคล แต่ด้วยเจนนี่ไลฟ์ออกอากาศอยู่แล้ว มันก็ทำให้ตรงนี้กลายเป็นพื้นที่ให้ทักษะกับคนที่จะไปไลฟ์ต่อในสินค้าของตัวเอง ซึ่งมันได้ผล ซึ่งเจ้าของแบรนด์หลายๆแบรนด์ก็นำทักษะที่เจนนี่สอนไปต่อยอดและก็ไลฟ์เองเป็นการต่อยอดในช่องทางทำมาหากินได้
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้จะเกิดขึ้นเป็นปกติสักเท่าไหร่หนัก ในวงของธุรกิจการขาย ฉะนั้นแล้วพอรู้สึกว่านอกจากจะขายของเก่งแล้วยังใจดีแบบปันด้วย มันเลยทำให้คุณรู้สึกรัก เพราะฉะนั้นเจนนี่เหมือนเป็นการให้หัวเชื้อของการเรียนรู้ต่อยอดแล้วก็แบ่งปัน คนก็รู้สึกว่าไลฟ์นี้ไม่ใช่ไลฟ์ของการมานั่งขายของอย่างเดียว แต่มันคือการสร้างบรรยากาศ ส่งต่อความน่ารักให้กันและกัน ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ หรือเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
โดยสรุปแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นจากเรื่องราวของตัวเจนนี่ และใช้หลักการตลาดมาผสมกัน ซึ่งมันทำให้เกิด Success Case แบบนี้ขึ้นมา แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่นำกลยุทธ์ของเจนนี่ไปใช้จะ Success เหมือนเจนนี่นะ มันก็อาจจะสำเร็จบ้างหรือไม่สำเร็จบ้าง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ และขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆปัจจัยอีกด้วย
Advertisement