อย่าละเลยสัญญาณจากโถส้วม!! ปัสสาวะเป็นฟอง ฉี่เป็นฟอง เรื่องธรรมชาติหรือโรคร้ายที่ซ่อนอยู่
ภาพที่หลายคนเคยเห็นและอาจเคยประสบด้วยตัวเอง คือเวลาลุกขึ้นมาปัสสาวะแล้วพบว่ามีฟองจำนวนมากเกิดขึ้นในโถชักโครก บางครั้งฟองก็กระจายอยู่เต็มพื้นผิว บางครั้งก็เล็กน้อยและจางหายไปเร็ว แต่คำถามที่ค้างอยู่ในใจคือ นี่คือสิ่งปกติหรือเป็นสัญญาณเตือนโรค?
เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องเล็ก ๆ เพราะวงการแพทย์ถือว่า “ปัสสาวะเป็นฟอง” อาจเป็นหน้าต่างบานเล็กที่สะท้อนความผิดปกติของร่างกายได้ลึกซึ้งกว่าที่คิด
ในภาวะปกติ ปัสสาวะคือของเสียที่ไตกรองออกจากเลือด ประกอบด้วยน้ำเกือบ 95% ที่เหลือคือยูเรีย เกลือแร่ สารเคมีจากการเผาผลาญอาหาร และเม็ดสีบางชนิด แต่สิ่งที่ไม่ควรพบในปัสสาวะมากนักคือ โปรตีน เพราะโดยธรรมชาติไตทำหน้าที่เก็บรักษาสารโปรตีนเอาไว้ในร่างกาย หากพบว่ามีโปรตีนหลุดออกมาในปัสสาวะมากพอจนเกิดฟองอยู่ทนนาน นั่นอาจหมายถึงระบบไตกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกฟองในปัสสาวะจะตีความเป็นโรคเสมอไป หากคุณดื่มน้ำน้อย ปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเล็กน้อย ปัสสาวะจะเข้มข้นมากขึ้น เมื่อฉี่ออกมาแรง ๆ กระทบกับน้ำในโถส้วม ก็สามารถทำให้เกิดฟองได้ทันที ลักษณะนี้ฟองจะหายไปเร็ว ไม่คงทนนาน และไม่ควรตื่นตระหนก อีกทั้งการกลั้นปัสสาวะไว้นาน ๆ จนแรงดันฉี่สูงกว่าปกติ ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เกิดฟองมากขึ้นชั่วคราว
แต่หากฟองเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เกิดทุกครั้งแม้จะดื่มน้ำเพียงพอ ฟองลอยอยู่คงทนไม่ยุบหายง่าย และโดยเฉพาะถ้ามีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาบวม ใบหน้าบวม ขาบวม ปัสสาวะกลางคืนบ่อยขึ้น หรือมีความดันโลหิตสูง นั่นคือสัญญาณที่แพทย์มักไม่มองข้าม เพราะอาจหมายถึง ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ (Proteinuria) ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับโรคไต เช่น โรคไตอักเสบเรื้อรัง, เบาหวานลงไต (Diabetic nephropathy), ความดันโลหิตสูงทำลายไต หรือแม้แต่ กลุ่มอาการเนฟโรติก (Nephrotic syndrome) ที่ร่างกายสูญเสียโปรตีนมากจนเกิดบวมชัดเจน
มีการศึกษาจาก National Kidney Foundation ระบุว่า คนที่มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะถือเป็น “สัญญาณแรกเริ่ม” ของโรคไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) ซึ่งหากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ การควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดัน สามารถชะลอความเสื่อมของไตได้ แต่หากปล่อยละเลยไปจนถึงขั้นอาการ ปัสสาวะเป็นฟองอาจกลายเป็นสัญญาณเตือนสุดท้ายก่อนต้องเข้าสู่การฟอกไต
นอกจากโรคไตแล้ว ปัสสาวะเป็นฟองยังสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ ได้อีก เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) ที่อาจทำให้ปัสสาวะมีลักษณะขุ่นและมีกลิ่นผิดปกติ ฟองในกรณีนี้มักไม่คงทน แต่จะมีอาการปวดแสบขัดร่วมด้วย หรือในกรณีที่พบไม่บ่อยนักคือ Pneumaturia ภาวะที่มีแก๊สปะปนในปัสสาวะ อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของทางเดินอาหารที่เชื่อมกับกระเพาะปัสสาวะ เช่น ลำไส้ทะลุหรือติดเชื้อรุนแรง แม้จะพบได้น้อยแต่ถือว่าเป็นอาการที่ต้องรีบพบแพทย์เช่นกัน
คำตอบคือ เป็นไปได้ เพราะหลายครั้งที่เกิดจากสาเหตุธรรมชาติ เช่น การดื่มน้ำน้อยหรือแรงดันฉี่สูง แต่หากอยากมั่นใจ แพทย์มักแนะนำให้ตรวจปัสสาวะพื้นฐาน (Urinalysis) ซึ่งสามารถบอกได้ทันทีว่ามีโปรตีนหรือเม็ดเลือดรั่วออกมาหรือไม่ การตรวจนี้ไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง และให้คำตอบที่ชัดเจนว่าฟองนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติหรือเป็นเสียงสะท้อนของโรค
ในทางการแพทย์ การดูแลป้องกันไม่ให้ปัสสาวะเป็นฟองเพราะโรคไตคือการ ควบคุมปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ ควบคุมความดันโลหิต ลดการกินเค็ม งดสูบบุหรี่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไตหรือมีเบาหวาน ความดัน โรคเหล่านี้ล้วนทำให้ไตเสื่อมโดยไม่รู้ตัว และอาการปัสสาวะเป็นฟองก็มักปรากฏขึ้นในช่วงที่โรคดำเนินไปไกลแล้ว
เมื่อมองในมุมสังคมไทย ปัญหานี้อาจดูเล็กน้อย คนจำนวนมากไม่ให้ความสำคัญ เห็นฟองแล้วก็เพียงแค่ปัดผ่านไป แต่แท้จริงแล้ว นี่คือภาษากายของร่างกายที่กำลังบอกว่า “ตรวจฉันหน่อย” ความผิดปกติเล็กน้อยอาจเป็นสัญญาณใหญ่ของโรคที่ซ่อนอยู่ ดังนั้น หากฟองยังคงอยู่แม้ดื่มน้ำมากพอ หรือมีอาการบวมและเหนื่อยง่ายร่วมด้วย อย่าละเลยที่จะไปพบแพทย์
รวบรวมข้อมูลจาก
• Mayo Clinic. Foamy urine: What does it mean? (2023). https://www.mayoclinic.org/foamy-urine/expert-answers/faq-20057871
• National Kidney Foundation. Proteinuria (Protein in Urine). (2022). https://www.kidney.org/kidney-topics/proteinuria-protein-urine
• American Diabetes Association. Diabetes and kidney disease (Diabetic nephropathy). (2023). https://diabetes.org/health/kidney-disease
Advertisement