Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ผู้ว่าฯธปท.ชี้ส่งออกทองดันบาทแข็งเล็งใช้ภาษีสกัด ไม่ฟันธงเอี่ยวทุนเทา
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ผู้ว่าฯธปท.ชี้ส่งออกทองดันบาทแข็งเล็งใช้ภาษีสกัด ไม่ฟันธงเอี่ยวทุนเทา

16 ก.ย. 68
18:55 น.
แชร์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นอย่างมากจนสร้างแรงกดดันต่อผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทย โดย ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าสาเหตุหลักเกิดจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลก ประกอบกับการซื้อขายทองคำที่เพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งมีผลโดยตรงให้มีเงินดอลลาร์ไหลกลับเข้ามาแปลงเป็นเงินบาทจำนวนมาก ทำให้ค่าเงินไทยแข็งแรงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง การส่งออกทองคำของไทยที่พุ่งสูงในปีนี้ โดยเฉพาะไปยังกัมพูชา ได้ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับ “ทุนเทา” หรือธุรกรรมฟอกเงินหรือไม่ ในกรณีนี้ผู้ว่าฯ ธปท. ยอมรับว่าตัวเลขดุลชำระเงินของไทย (balance of payments) มีความผิดปกติจริง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเงินผิดกฎหมายหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานรัฐกำลังเร่งตรวจสอบ และอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการใหม่ เช่น การใช้ภาษีทอง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าเงินบาท

ดอลลาร์อ่อน-ทองคำหนุนค่าเงิน แข็งเกินพื้นฐานเศรษฐกิจ

ผู้ว่าฯ ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทแข็งขึ้นแล้วราว 7% ซึ่งถือว่าสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างชัดเจน ทั้งที่เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และไม่สอดคล้องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์ตามตำรา ดร.เศรษฐพุฒิอธิบายว่า ตามทฤษฎีแล้ว ประเทศที่ขึ้นภาษีการค้า (tariff) เพื่อกีดกันการค้า เช่นกรณีของสหรัฐฯ ค่าเงินควรแข็งขึ้น แต่กลับเกิดตรงกันข้าม โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศในเอเชียรวมถึงไทยเผชิญกับสถานการณ์ค่าเงินแข็งที่ “ผิดธรรมชาติ”

ปัจจัยที่ซ้ำเติมคือราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากทั้งนักลงทุนและสถาบันการเงินหันมาเก็บทองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ โดยค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์ (correlation) กับราคาทองในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันแตะ 0.7 จากที่เคยอยู่ในระดับต่ำกว่ามากในอดีต 

เมื่อราคาทองปรับขึ้น ค่าเงินบาทจึงมักแข็งตามทันที กลไกสำคัญเกิดจากพฤติกรรมของผู้ซื้อขายทองในประเทศ คนไทยนิยมถือทองและขายทำกำไรเมื่อราคาทองขึ้น ทำให้ดอลลาร์ที่ได้จากการขายทองถูกนำกลับมาแลกเป็นเงินบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งแรงกว่าประเทศอื่น ผู้ว่าฯ ชี้ว่านี่คือแรงกระทบ “สองเด้ง” คือดอลลาร์อ่อนจากคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด และราคาทองพุ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน

ด้านมาครการควบคุมค่าเงินที่ผ่านมา ดร. เศรษฐพุฒิยืนยันว่าได้มีการดูแลค่าเงินมาตลอด โดยได้มีการดำเนินมาตรการนโยบายการเงิน เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.5% เหลือ 1.5% แต่ก็ไม่ช่วยชัดเจน เพราะแม้อัตราดอกเบี้ยของไทยต่ำกว่าประเทศรอบข้าง เงินบาทยังแข็งต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธปท. พยายามดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะเพื่อปกป้องผู้ส่งออกและ SMEs ที่ยังทำ hedging น้อย แต่การดูแลทำได้เพียงบรรเทาความแรง ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง

นอกจากนี้ ในการประชุมล่าสุดกับสมาคมค้าทองคำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดร.เศรษฐพุฒิยังยอมรับว่า ธปท. ได้หยิบ “ภาษีทองคำ” มาหารือเป็นหนึ่งในทางเลือกในการลดผลกระทบของการซื้อขายทองต่อค่าเงินบาทตามข่าว แต่ยืนยันว่ายังไม่ใช่ข้อสรุปจริงจัง และอาจต้องหารือมาตรการอื่นควบคู่ เช่น การส่งเสริมให้เทรดทองโดยตรงในดอลลาร์แทนการใช้บาท เพื่อลดแรงกดดัน แม้ผู้ค้าส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับการใช้เงินบาท ผู้ว่าฯ ย้ำว่าทุกมาตรการต้องหารือร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะตลาดทองของไทยเชื่อมโยงผู้เล่นหลายระดับ

ดุลชำระเงินผิดปกติ-จับตาส่งออกทองกัมพูชา

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงประเด็นที่การส่งออกทองของไทยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ อาจมีส่วนทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น และอาจเชื่อมโยงกับธุรกรรมผิดกฎหมายที่มีการนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาฟอกในไทย แปลงเป็นทองคำ แล้วจึงส่งออกต่อไปต่างประเทศ

ข้อสังเกตนี้เริ่มจากโพสต์เฟซบุ๊กของ ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ที่ตั้งคำถามว่า การส่งออกทองคำที่ปรากฏในสถิติ อาจเป็นเพียง “อาการ” ไม่ใช่ต้นเหตุของเงินบาทแข็ง การอธิบายว่าเงินบาทแข็งเพราะทองจึงอาจไม่ตรงกับความจริง เพราะไทยยังเป็นผู้นำเข้าทองสุทธิ และมูลค่าการส่งออกเมื่อเทียบกับการนำเข้าก็ยังไม่มากพอจะกดดันค่าเงินได้

ดร. พิพัฒน์ อธิบายว่าแรงกดดันแท้จริงอาจเกิดตั้งแต่ต้นทาง เมื่อมีเงินทุนไหลเข้าผ่านช่องทางที่ตรวจสอบยาก เช่น คริปโตเคอร์เรนซี เงินเหล่านี้ถูกแปลงเป็นเงินบาท ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น ก่อนที่จะนำไปซื้อทองและส่งออกต่อ ผลที่เห็นในสถิติ คือ “การส่งออกทอง” แต่สาเหตุจริงอาจอยู่ที่กระแสเงินทุนก่อนหน้านั้น ปัญหาคือธุรกรรมลักษณะนี้ไม่สะท้อนในดุลการชำระเงิน ขณะที่ Errors & Omissions กลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณว่ามีเงินเข้าออกที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ อีกทั้งกฎเกณฑ์คริปโตในไทยยังไม่เข้มงวดเทียบเท่าธนาคาร ความเสี่ยงที่เงินบาทแข็งเพราะ inflows ที่ตรวจสอบไม่ได้จึงเป็นสิ่งน่ากังวล

ดร. พิพัฒน์เตือนว่า หากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการจับตาการส่งออกทองเพียงอย่างเดียว ธุรกิจสุจริตอาจได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็น ขณะที่ต้นตอจริงยังไม่ถูกแตะ เขาเสนอให้เสริมกฎ AML/CFT ในตลาดคริปโต เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และใช้เทคโนโลยีติดตามเส้นทางเงิน เพื่อให้เข้าใจว่าเงินบาทแข็งเพราะทองจริง หรือเพราะเงินทุนที่ยังตรวจสอบไม่ได้กันแน่

ในกรณีนี้ ดร. เศรษฐพุฒิ ระบุว่า การส่งออกทองของไทยไปกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อค่าเงินบาทจริง เพราะเมื่อส่งออกทองได้เงินกลับมาเป็นดอลลาร์ เงินดอลลาร์นั้นจะถูกแปลงเป็นเงินบาท ทำให้เงินบาทแข็งขึ้น และยอมรับว่ามีความผิดปกติในดุลการชำระเงินจริง โดย net errors and omissions ปี 2567 สูงถึง 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใหญ่กว่าดุลรวม (overall balance) ที่ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ นั่นหมายถึงมีเงินทุนเคลื่อนย้ายจำนวนมากที่ยังอธิบายไม่ได้ และไม่แน่ชัดว่าจะเกี่ยวข้องกับการส่งออกทองและค่าเงินบาทหรือไม่

ผู้ว่าฯ ชี้ว่า ทุกหมวดในดุลการชำระเงินสะท้อนอุปสงค์-อุปทานของเงินตราต่างประเทศ เช่น การส่งออกคือซัพพลาย ส่วนการนำเข้าคือดีมานด์ เมื่อรวมแล้ว ไทยมีซัพพลายมากกว่าดีมานด์ ค่าเงินบาทจึงแข็ง แต่ปัญหาคือ net error ที่สูงผิดปกติ ทำให้ยากจะระบุว่ามาจากธุรกรรมใด โดยยกตัวอย่างว่าอาจเกี่ยวข้องกับธุรกรรมคริปโตที่ยังไม่ถูกบันทึกเต็มรูปแบบ การใช้ “นอมินี” ถือครองสินทรัพย์แทนต่างชาติ หรือธุรกิจสีเทา อย่างไรก็ดี ธปท. ยืนยันว่าตัวเลขดุลรวมยังถูกต้อง เพราะสอดคล้องกับทุนสำรองระหว่างประเทศ (reserve assets change)

ดร. เศรษฐพุฒิ เสริมว่า เมื่อเวลาผ่านไปและตัวเลขหมวดอื่น “เฟิร์มขึ้น” เช่น ดุลบริการจากนักท่องเที่ยว หรือดุลการค้าจากข้อมูลศุลกากร ความผิดปกติของ net error จะค่อย ๆ กระจายออกและลดลง ทำให้ตามหาต้นทางเงินได้ชัดขึ้น พร้อมระบุว่าได้ประสาน ปปง. ให้ช่วยตรวจสอบแล้ว แต่ในระยะสั้นยังแจกแจงไม่ได้ละเอียด

โดยสรุป สาเหตุที่ค่าเงินบาทแข็งผิดปกติในปีนี้ มาจากทั้งดอลลาร์อ่อนและแรงซื้อขายทองคำที่โยงกับพฤติกรรมการลงทุนของไทย มาตรการเดิม เช่น การลดดอกเบี้ยและการดูแลค่าเงิน ช่วยบรรเทาความผันผวน แต่ยังไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ขณะที่มาตรการใหม่ เช่น ภาษีทอง หรือการส่งเสริมให้มีการซื้อขายทองในสกุลดอลลาร์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนความผิดปกติในดุลการชำระเงินและการส่งออกทองไปกัมพูชายังคงเป็นปริศนาที่ แม้ยังไม่สามารถฟันธงว่าโยงกับทุนเทา แต่ถือเป็น “สัญญาณเสี่ยง” ที่รัฐกำลังเร่งสอบสวนอย่างใกล้ชิด


แชร์
ผู้ว่าฯธปท.ชี้ส่งออกทองดันบาทแข็งเล็งใช้ภาษีสกัด ไม่ฟันธงเอี่ยวทุนเทา