Starbucks ร้านกาแฟที่มีสาขามากสุดในโลก ได้ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ (Q2 2025) ออกมา
- รายได้ 292,700 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว)
- กำไร 12,840 ล้านบาท ลดลง 50%
ผลก็คือรายได้ยังเติบโตเล็กน้อย ส่วนกำไรหายไปครึ่งหนึ่ง โดยสาเหตุที่กำไรลดลงก็มาจากจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น
โดยบริษัทมีแผนจะลดค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น งดติดตั้งเครื่องทำกาแฟ Cold Brew และ อุปกรณ์สำหรับอุ่นอาหาร เพิ่ม แล้วหันมาเพิ่มจำนวนบาริสต้าแทนเพื่อสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า
ส่วนอีกสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการปรับโครงสร้างของบริษัท
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดตรงนี้เป็นไปตามแผนคืนชีพธุรกิจ Back to Starbucks ของ คุณ Brian Niccol ซีอีโอคนปัจจุบัน
ที่ต้องการกำจัดจุดอ่อน อย่างเช่น ราคาที่สูง เมนูที่ซับซ้อน และ การบริการที่ล่าช้า
โดยที่ผ่านมา Starbucks ได้ปรับให้ลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา เปลี่ยนนมทางเลือกได้ฟรี รวมถึงประกาศลดจำนวนเมนูอาหาร และ เครื่องดื่มลง 30%
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะปรับที่นั่งในร้านให้มีความพรีเมียมมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ากลับมามีประสบการณ์ที่ดีกับ Starbucks อีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า มาถึงตอนนี้ สถานการณ์ของ Starbucks ยังคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และยังต้องเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากทั้งใน และ นอกประเทศ
ที่เกิดร้านกาแฟคุณภาพดีแต่ราคาถูกขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Luckin Coffee, Cotti Coffee ที่เป็นร้านกาแฟจากจีน
หรือจะเป็นคู่แข่งในประเทศอย่าง Dutch Bros เอง ที่เน้นขายแบบ Drive-Thru และมีราคาถูก
และจากการปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้นจนทำให้ผลประกอบการออกมาไม่สดใสตรงนี้ ก็ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ราคาหุ้นของ Starbucks หลังตลาดปิด -6.5%
สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังให้น้ำหนักกับความท้าทายที่บริษัทต้องเจออยู่นั่นเอง..
ที่มา: cnbc.com, investor.starbucks.com