
กระแสความนิยมของ ‘ลาบูบู้’ (Labubu) ที่เฟื่องฟูในช่วงสองปีมานี้ ทำให้มีการตั้งคำถามถึงลักษณะการเป็น ‘ฟองสบู่การเก็งกำไร’ ของอาร์ตทอยปีศาจสุดฮอตตัวนี้ว่าความนิยมของมันจะยืนยาวแค่ไหน และจะเป็นเครื่องจักรทำเงินให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้นานเพียงใด
ล่าสุด นักวิเคราะห์หุ้นจากสถาบันดังคนหนึ่งเตือนว่า แคแรกเตอร์ลาบูบู้ จากป๊อปมาร์ท (Pop Mart) เริ่มคล้ายกับวัฏจักรของตุ๊กตา บีนนี่ เบบี้ส์ (Beanie Babies) ที่ความนิยมพุ่งสูงขึ้นจนถูกมองเป็นการลงทุน ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 แต่สุดท้ายก็ฟองสบู่แตกในปี 1999 ซึ่งถือเป็น ‘สัญญาณเตือน’ สำหรับนักลงทุนว่าหุ้น Pop Mart ที่พุ่งแรงในปีนี้อาจไม่ได้ทำผลงานดีในระยะยาว
เมลินดา หู (Melinda Hu) นักวิเคราะห์อาวุโสฝ่ายหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคในเอเชียของบริษัทจัดการการลงทุน อลิอันซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) ในฮ่องกง วิเคราะห์ว่า กระแสความนิยมในตุ๊กตาลาบูบู้กำลังจะถึงจุดสูงสุด และคำถามเกี่ยวกับสินค้าตัวต่อไปที่จะขับเคลื่อนยอดขายของ Pop Mart แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าราคาหุ้น Pop Mart มีโอกาสเติบโตจำกัด
เมลินดา หู มองว่าลาบูบู้จะไม่สามารถสร้างความนิยมระยะยาวได้อย่างยั่งยืนเหมือน เฮลโลคิตตี้ (Hello Kitty) ของซานริโอ (Sanrio Co.) และตุ๊กตาบาร์บี้ (Barbies) ของบริษัทแมทเทล (Mattel Inc.)
เธออธิบายเหตุผลเพิ่มเติมว่า เฮลโลคิตตี้และบาร์บี้ไม่มีการทำการตลาดเชิงเก็งกำไร ไม่มีปัจจัยเรื่องความหายาก ไม่มีกลไกกล่องสุ่ม และไม่มีการซื้อที่ขับเคลื่อนโดยโดพามีน เฮลโลคิตตี้และบาร์บี้มีจำหน่ายอยู่ตลอด เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคหาได้ง่ายเมื่อต้องการซื้อ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว
หูบอกว่า “ความหายาก การตามล่า การกระตุ้นโดพามีน และการซื้อขายในตลาดรอง” ที่เป็นตัวขับเคลื่อนความนิยมของลาบูบู้นั้นคล้ายคลึงกับวัฏจักรการเก็งกำไรของ Beanie Babies ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งจบลงด้วยการแตกสลายของฟองสบู่
นอกจากนั้น เธอบอกว่า ยังไม่เห็นข้อพิสูจน์ว่าแคแรกเตอร์หรือลิขสิทธิ์สินค้าอื่นใดของ Pop Mart จะสามารถดึงดูดความสนใจได้โดยปราศจากความเชื่อมโยงกับลาบูบู้ และเธอดังนั้น เธอจึงสรุปว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของ Pop Mart นั้นมีจำกัด
“ฉันจะไม่แนะนำให้นักลงทุนสายลงทุนระยะยาวซื้อหุ้นเพิ่ม หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของบริษัท”
กระแสความนิยมของลาบูบู้ทำให้ราคาหุ้น Pop Mart ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พุ่งขึ้นกว่า 1,500% จากต้นปี 2024 จนถึงจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคมปีนี้
แต่ยุคทองของหุ้น Pop Mart อาจสิ้นสุดลงแล้ว เพราะล่าสุด ราคาหุ้นร่วงลงแล้วมากกว่า 30% จากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม ซึ่งการร่วงลงบางส่วนเกิดขึ้นหลังจากมีคนได้ยินพนักงาน Pop Mart กำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับราคาสินค้าแบบกล่องสุ่มชิ้นหนึ่งระหว่างการไลฟ์สตรีม
ราคาหุ้น Pop Mart ดิ่งลงมากกว่า 9% เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 3 สูงกว่าคาดการณ์ แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความกังวลที่ว่าการเติบโตจะชะลอตัวไปจนถึงปี 2026 และการที่ Pop Mart พึ่งพาลาบูบู้มากเกินไปเป็นสาเหตุหลัก
ที่ทำให้นักลงทุนไม่สบายใจ โดยสินค้าในซีรีส์ ‘The Monsters’ ซึ่งรวมถึงแคแรกเตอร์ลาบูบู้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% ของรายได้รวมของ Pop Mart ในช่วงครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 14% เมื่อปีก่อนหน้า
ข้อมูลที่บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รวบรวมระบุว่า มีนักวิเคราะห์ 42 จากทั้งหมด 46 คนที่ยังคงให้คำแนะนำ ‘ซื้อ’ หรือเทียบเท่า สำหรับหุ้น Pop Mart และอีก 3 คนให้คำแนะนำ ‘ถือ’ ขณะที่เมลินดา หู เป็นคนเดียวที่ให้คำแนะนำ ‘ขาย’ โดยระบุเรตติง ‘Underperform’ (ต่ำกว่าตลาด) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งนับตั้งแต่ที่เธอให้คำแนะนำดังกล่าว ราคาหุ้น Pop Mart ลดลงแล้ว 25%
ทั้งนี้ จากสถิติ ข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนที่ทำตามคำแนะนำของหูขาดทุนเฉลี่ย 5% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขาดทุนมากกว่าผลงานของนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ที่ขาดทุนเฉลี่ย 2.7% ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้อมูลตลาดในช่วงนี้ก็สะท้อนว่านักลงทุนกำลังมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ
การที่นักลงทุนเดิมพัน (โดยการขายชอร์ต) ว่าราคาหุ้น Pop Mart จะลดลงต่อไป แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความสงสัยเพิ่มมากขึ้นต่อประสิทธิภาพของหุ้น Pop Mart ในระยะใกล้นี้ ข้อมูลจาก เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ระบุว่า ยอดขายชอร์ต (Short Interest) ของหุ้นเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด (Free Float) ทั้งหมด ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ณ วันพฤหัสบดีที่ 13 พศจิกายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024
เบิร์นสไตน์ประมาณการว่า อัตราการเติบโตของรายได้รายปีของ Pop Mart จะพุ่งสูงสุดที่ 145% ในปีนี้ และอัตรากำไร (margin) จะค่อยๆ ลดลงจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดมากขึ้นสำหรับรักษาความนิยมของแคแรกเตอร์และการใช้เงินทุนสนับสนุนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์สายกระทิงมองต่างว่า Pop Mart มีปัจจัยบวกหลายอย่าง รวมถึงการที่ Pop Mart ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเจาะตลาดโลก และมีความพยายามในการกระจายกลุ่มผลิตภัณฑ์
เควิน หยิน (Kevin Yin) นักวิเคราะห์ของ เจพีมอร์แกน (JPMorgan Chase & Co.) เขียนวิเคราะห์เมื่อเดือนตุลาคมว่า Pop Mart ยังมีตัวเลือกแคแรกเตอร์ตัวเอกที่สามารถใช้แทนลาบูบู้ได้จริงอย่างน้อยหนึ่งตัว นั่นคือ ทวิงเกิล ทวิงเกิล (Twinkle Twinkle) ที่กำลังดึงดูดฐานแฟนคลับได้จริง ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือกสำรองเมื่อผู้บริโภคไม่สามารถหาลาบูบู้ได้ โดยเขาคาดว่า Twinkle Twinkle จะสร้างยอดขายได้เป็นสัดส่วน 8% ของยอดขายทั้งหมดของ Pop Mart ภายในปี 2027 จาก 2.8% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
อ้างอิง: Bloomberg