ธนาคารโลกคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้โต 2% ชี้เสี่ยงเงินฝืด

รายงานอัพเดตเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific Economic Update) ประจำเดือนตุลาคม 2025 ของธนาคารโลก (World Bank) ที่เผยแพร่ในวันนี้ (7 ตุลาคม 2025) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะเติบโต 4.8% ในปี 2025 ชะลอลงจาก 5.0% ในปี 2024 ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2025 ที่คาดว่าจะโต 4.0% 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เวิลด์แบงก์เตือนเอเชียตะวันออก ตลาดแรงงานเจอศึกหลายด้าน ต้องปฏิรูป

เปิดรายงานธนาคารโลก ถ้าไทยไม่ลงทุนรับโลกรวนเสี่ยง GDP ลด 7-14%

World Bank มองจุดแข็งไทย มีโอกาสสู้เศรษฐกิจโลกผันผวน

ตามคาดการณ์ เวียดนามจะเป็นผู้นำการเติบโตในภูมิภาค ด้วยอัตราการเติบโต 6.6% ตามด้วยมองโกเลีย (5.9%) ฟิลิปปินส์ (5.3%) ขณะที่จีน กัมพูชา และอินโดนีเซียคาดว่าจะเติบโตที่ 4.8% เท่ากัน และประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโต 2.7% 

สำหรับปี 2026 ธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะชะลอลงสู่ 4.3% ซึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเติบโต ได้แก่ มาตรการจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนในระดับโลกที่แม้จะลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ยังคงพึ่งพามาตรการกระตุ้นทางการคลังมากกว่าการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง

สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทย ธนาคารโลกปรับคาดการณ์ว่า จีดีพีไทยปี 2025 จะโต 2.0% ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2025 ที่คาดว่าจะโต 1.6% และสำหรับปี 2026 คงการคาดการณ์ว่าจะโต 1.8% เท่ากับการคาดการเมื่อเดือนเมษายน

ในตอนหนึ่งของช่วงตอบคำถาม อาดิตยา แมตทู (Aaditya Mattoo) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวถึงเรื่องเงินเฟ้อและเงินฝืดว่า อัตราเงินเฟ้อของหลายๆ ประเทศอยู่ในช่วงเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันก็มีเรื่องค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าหากค่าเงินแข็งขึ้นมาก อย่าง ‘จีน’ และ ‘ไทย’ อาจจะไม่ได้เจอกับภาวะเงินเฟ้อ แต่เจอภาวะเงินฝืด ซึ่งแรงกดดันจากในประเทศจีนจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นด้วย

“ผมคิดว่าในวันนี้ อัตราดอกเบี้ยของหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ต่ำกว่าประเทศอุตสาหกรรม (กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ) ทำให้เงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น หลายประเทศในภูมิภาค อย่างประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย สามารถที่จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินได้” 

นอกจากนั้น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก มีอีกคำแนะนำที่เกี่ยวกับไทย คือ เนื่องจากในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ และไทย มีคนทำงานรูปแบบการทำงานนอกระบบมากขึ้น อย่างเช่น ไรเดอร์ของแพลตฟอร์มต่างๆ หรือในภาคการเกษตร ดังนั้น ต้องมีกลไกคุ้มครองทางสังคมที่ดีสำหรับแรงงานนอกระบบ และต้องมีกฎระเบียบมีการควบคุมจัดการที่ดี เพราะถ้าไม่มี จะทำให้แรงงานไม่สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้

คอนเทนต์แนะนำ

RSV ไข้หวัดใหญ่ ระบาดต่อเนื่อง อาการคล้ายแต่แตกต่าง วิธีสังเกต

อัปเดต วัคซีนทางเลือก รพ.จุฬาภรณ์ ค่าใช้จ่าย ขั้นตอน ข้อควรรู้ก่อนฉีด

หลอดลมไวคืออะไร เด็กเสี่ยงเป็นหลังติดเชื้อRSV บางรายพัฒนาเป็นหอบหืดได้