Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สิงคโปร์เปิดวิสัยทัศน์ เน้นรักษางานให้ประชาชน สวนกระแสเอา AI แทนคน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

สิงคโปร์เปิดวิสัยทัศน์ เน้นรักษางานให้ประชาชน สวนกระแสเอา AI แทนคน

20 ส.ค. 68
16:39 น.
แชร์

นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลอเรนซ์ หว่อง ประกาศให้งานและความมั่นคงด้านการจ้างงานของประชาชนเป็น “วาระสูงสุด” ของรัฐบาล ท่ามกลางแรงกดดันจากกำแพงการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว

ในการปราศรัย National Day Rally เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของประเทศ หว่องย้ำว่า “บทต่อไปกำลังเริ่มขึ้นในโลกที่ปั่นป่วนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน” พร้อมระบุว่าสงครามภาษีจากสหรัฐฯ และการรุกคืบของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นความท้าทายใหญ่ที่สิงคโปร์จำเป็นต้องเผชิญโดยตรง

นี่ถือเป็นสุนทรพจน์ใหญ่ครั้งแรกของเขาหลังพรรคกิจประชาชน (PAP) ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้พรรคสามารถสืบสานอำนาจต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ในโอกาสนี้ หว่องได้เน้นยุทธศาสตร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้า ควบคู่กับการขยายสวัสดิการสังคม การพัฒนาพื้นที่ใหม่ และการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต

“ท้ายที่สุดแล้ว กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของเราคือเรื่องงาน งาน และงาน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด” หว่องกล่าว “เราจะเดินหน้าอย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้ชาวสิงคโปร์สามารถคว้าโอกาสจากการทำงานใหม่ ๆ”

ผลกระทบสองด้านของ AI ต่อการจ้างงาน

รายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่าโครงสร้างแรงงานของสิงคโปร์กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการปฏิวัติด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานทักษะสูงจำนวนมาก โดยแม้แรงงานราวครึ่งหนึ่งอาจใช้ AI เป็นเครื่องมือยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน แต่แรงงานอีกครึ่งกลับมีแนวโน้มถูกแทนที่ เพราะลักษณะงานไม่สอดคล้องกับระบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานหญิงและคนรุ่นใหม่ที่ถูกระบุว่ามีความเปราะบางที่สุด หากขาดมาตรการเสริมทักษะและระบบคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ ก็อาจนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ถ่างกว้างขึ้น

ขณะเดียวกัน รายงาน PwC AI Jobs Barometer ระบุว่าตลาดแรงงานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจาก AI สำหรับสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรม คาดว่าจะเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานด้านความรู้ (knowledge workers) ภายในปี 2025 ด้านเวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) ก็ออกมาเตือนว่าตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นอาจหายไปจำนวนมาก ซึ่งจะกระทบต่อแรงงานรุ่น Gen Z ของสิงคโปร์โดยตรง

แม้หลายบริษัทในสิงคโปร์ยังมอง AI ในมุมบวก ว่าเป็นเครื่องมือช่วยเสริมศักยภาพมากกว่าการเข้ามาแทนแรงงาน แต่กรณีศึกษาจากสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ไม่อาจมองข้าม เพราะเพียงเดือนกรกฎาคม 2025 เดือนเดียว มีตำแหน่งงานกว่า 10,000 ตำแหน่งถูกแทนที่ด้วย AI

นอกจากนี้ งานวิจัยของ Civil Service College ยังสะท้อนว่า สวัสดิการและมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบันของสิงคโปร์อาจไม่เพียงพอรองรับภาวะว่างงานระยะยาว หากแรงงานจำนวนมากถูกผลักออกจากตลาดงานเพราะคลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่สิงคโปร์ต้องเร่งปรับนโยบายแรงงาน ระบบสวัสดิการ และการพัฒนาทักษะอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมรับมืออนาคตที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

รัฐบาลลงทุน Upskill-Reskill แรงงาน อัดมาตรการช่วย

เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง นายกรัฐมนตรีลอเรนซ์ หว่อง ประกาศเดินหน้าขยายโครงการ SkillsFuture เพื่อให้แรงงานทุกกลุ่มสามารถอัปสกิลและรีสกิลได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเปิดตัวโครงการจับคู่ตำแหน่งงานและฝึกงานที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยมุ่งเน้นเป็นพิเศษไปที่บัณฑิตจบใหม่ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน

รัฐบาลยังได้จัดสรรงบลงทุนด้านเทคโนโลยีรวมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยกันวงเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้พัฒนา AI ตั้งเป้าผลักดันให้สิงคโปร์ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด Coursera AI Maturity Index 2025 จัดอันดับให้สิงคโปร์อยู่ในระดับความพร้อมสูงสุด ร่วมกับเดนมาร์ก สะท้อนถึงศักยภาพการนำ AI มาใช้จริงในภาคเศรษฐกิจและสังคม

ภายใต้การนำของหว่อง พรรคกิจประชาชน (PAP) ยังได้เพิ่มมาตรการด้านสวัสดิการที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ อาทิ การจัดตั้งระบบเงินชดเชยการว่างงานเป็นครั้งแรก รวมถึงการอัดฉีดงบหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ ตั้งแต่อาหารและพลังงานไปจนถึงการศึกษา ทำให้ประชาชนที่ถือสัญชาติสิงคโปร์ราว 3.6 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 6 ล้านคน ได้รับประโยชน์โดยตรง

หว่องย้ำเตือนว่า “การเปลี่ยนแปลงจากภายนอกที่เราเห็นในวันนี้ไม่ใช่เพียงชั่วคราว” พร้อมประกาศว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องมี แผนแม่บทเศรษฐกิจใหม่ ที่ครอบคลุมทั้งการรักษาความสามารถในการแข่งขัน การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว และการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศยังคงยืนหยัดได้ท่ามกลางความผันผวนของโลก

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2025 ขึ้นเป็น 1.5-2.5% จากเดิมที่ 0-2% หลังผลประกอบการครึ่งปีแรกออกมาดีกว่าคาด โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ รวมถึงบรรยากาศความกังวลด้านการค้าระหว่างประเทศที่ผ่อนคลายลงชั่วคราว


แชร์
สิงคโปร์เปิดวิสัยทัศน์ เน้นรักษางานให้ประชาชน สวนกระแสเอา AI แทนคน