ในยุคที่สังคมหมุนรอบคำว่า “ลูกดีต้องกตัญญู” เรามักเห็นภาพของลูกที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่ ทั้งทำงานหนักจนป่วย, ยอมอยู่ในสภาพจิตใจที่บอบช้ำเพราะ “ไม่อยากให้ท่านเสียใจ”, หรือแม้แต่ยอมละทิ้งชีวิตตัวเองเพราะกลัวจะถูกตราหน้าว่า “อกตัญญู”
แต่เมื่อ ความกตัญญู กลายเป็นแรงกดดันระดับร่างกายและจิตใจ การปรากฏข่าวความรุนแรงในโรงพยาบาล การทำร้ายเจ้าหน้าที่ และศัพท์ยุคใหม่ โรคกตัญญู กำเริบ เริ่มกลายเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่ในสังคม
“โรคกตัญญูเฉียบพลัน” คือภาวะที่บุคคลพยายามตอบแทนบุญคุณจนเกินขอบเขต จนร่างกายและจิตใจเกิดภาวะล้มเหลวจากความเครียดเรื้อรัง, ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้เป็นลูกที่ดีพอ, หรือความกลัวว่าจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
มันคือโรคที่ไม่ปรากฏในตำราแพทย์ แต่ปรากฏอยู่ในหัวใจของคนจำนวนมากที่กำลังเจ็บป่วยด้วย “ความดีเกินขนาด” และคำถามคือ… ความกตัญญูที่ทำร้ายตัวเอง หรือ ทำร้ายผู้อื่น แบบนี้ยังเรียกว่า “ความดี” ได้อยู่หรือเปล่า?
นพ.ธนีย์ ธนียวัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด อธิบายถึงความหมายของ โรคกตัญญูเฉียบพลัน จริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ เป็นโรคหรือภาวะชั่วขณะ เพื่อได้รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองและรับมือกับมันอย่างถูกวิธี ไม่ทำร้ายตัวเองและไม่ไปทำร้ายผู้อื่น
"หมอแทน" เผยว่า โรคกตัญญูเฉียบพลัน จริง ๆ มันไม่ใช่โรค มันเป็นสิ่งที่หมอหลายคนเรียกกัน แล้วทุกคนเข้าใจตรงกันเพราะว่าทุกคนที่เป็นหมอเคยเจอภาวะนี้กันมาทั้งนั้น
เหตุการณ์มันจะเป็นแบนี้ มีผู้ป่วยคนหนนึ่งนะครับ อยู่ในภาวะสุดท้ายของชีวิต นอนโรงพยาบาลมานาน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต ทางญาติครอบครัวก็จะพยายามติดต่อกันไปหลาย ๆ คน แล้วก็จะมีคนหนึ่งที่โผล่มาคนสุดท้ายเลยก่อนหน้านี้มีพี่น้องญาติดูแลอย่างดีนะครับ แล้วคนนี้มาทีหลัง แต่มาทีหลังจะเสียงดังที่สุด
ทำไมหมอไม่ทำอย่างงั้น ทำไมหมอไม่ทำอย่างงี้ นี่ไม่ใช่วาวะสุดท้าย หมอพูดในแง่ลบ หมอพูดไม่ดีนี่หว่า หมอพูดไม่ให้ความหวังเลย หมอต้องทำเต็มที่สิ ช่วยให้เต็มที่ไม่งั้นย้ายโรงพยาบาล ไม่งั้นฟ้อง ผอ. ไม่งั้นจะแจ้งกับสื่อ ก็จะเสียงดัง และอยากจะให้ทำอะไรทุกอย่างเร็ว ๆ หมอต้องทำทุกวิถีทางให้เขารอด
ถึงแม้ว่าคนไข้บางทีอาจจะอยู่ในภาวะสุดท้ายที่มันจะไปแล้ว เขาบอกไม่ได้ ต้องปั๊มหัวใจ เอากลับขึ้นมาให้ได้ ใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องทำให้ดี นี่คือ โรคกตัญญูเฉียบพลัน
แต่ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ไม่เคยดูแลคนไข้เลยแม้แต่น้อย หรืออาจจะดูแลนาน ๆ ทีแล้วส่วนมากนะครับ มักจะอยู่ไกล มีเหตุผลที่ทำให้เค้าไม่มาดูแล หรือมาดูแลไม่ได้ เช่น ติดงาน มีครอบครัวนะครับ ต้องไปทำงานที่ไกล ๆ
แล้วในเวลาภาวะปกติก็ไม่ค่อยได้สนใจผู้ป่วยหรอก อาจจะนาน ๆ มีโทร หรือว่ามีส่ง message มาบ้างแค่นั้นเอง เค้าก็เลยรู้สึกว่า สถานการณ์แบบนี้เค้ารู้สึกผิด รู้สึกผิดในใจ
แล้วเราจะเอาความรู้สึกผิดนี้ออกมาจากใจ ได้ยังไง ก็จะต้องผลักภาระความผิดนี้ไปให้คนอื่น ๆ ใครที่มองว่าผู้ป่วยรายนี้เป็น ผู้ป่วยระยะสุดท้าย เค้าก็จะไม่เห็นด้วย ถึงแม้ว่าครอบครัวที่หลายคนที่ดูแลผู้ป่วยคนนี้มาตั้งแต่แรก เขาจะเห็นเลยว่าค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ หมอก็พยายามทำแล้ว สุดท้ายเนี่ย มันไม่มีอะไรที่จะทำได้แล้ว
แต่เนื่องจากเขาไม่ได้มา ไม่ได้มาดูตั้งแต่แรก เขาก็เลยจะไม่รู้ครับ ก็เลยมีพฤติกรรมแบบนี้ออกไป
แล้วสุดท้ายก็จะทะเลาะกัน ถ้าเกิดมันไม่จบนะ แล้วเค้าคิดว่าการที่เค้าไม่ช่วยเต็มที่ เค้าจะยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม มันจะยิ่งรู้สึก ว่าตัวเองไม่กตัญญูเลย
ไม่ได้กตัญญูตั้งแต่แรก เพราะว่าเขา ไม่ได้ดูแล แล้วภาวะสุดท้ายถ้ายังคงไม่ยื้อไม่ทำอีกนะ เขาจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอกตัญญู ดังนั้นการที่ก่อนหน้านี้เค้าไม่ดูแล ตอนนี้มันถึงเวลา เค้าก็จะเกิดภาวะ กตัญญูเฉียบพลัน ขึ้นมาครับ
โรคนี้ที่ประเทศอื่นก็มีครับ อเมริกา ก็มี เรียกว่า Daughter From California ลูกสาวจากแคลิฟอร์เนีย ประมาณเดียวกันเลยคือมีผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต ติดต่อญาติ แล้วบังเอิญไปติดต่อลูกสาวที่อยู่ไกล ๆ ในที่นี้คือ แคลิฟอร์เนีย
ส่วนใหญ่เนี่ยมันจะมีเคสอย่างงี้สมมุติว่าเคสนี้เกิดที่บอสตัน ลูกสาวอยู่ แคลิฟอร์เนีย ร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกันเลย มาเจอกันก็แค่แบบช่วงคริสต์มาสแค่นั้น หรือ Thanksgiving แต่ว่าไม่เคยแบบเดินทางมาดูแลแม่ตัวเอง
พอถึงเวลาที่แม่ตัวเองแย่ ตอนแรกเข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ เพราะว่าคิดว่า เออคงไม่เป็นอะไรมั้ง โทร ถามญาติปลายทาง โทร ถามหมอปลายทาง เดี๋ยวให้เค้าอธิบายการก็ได้ แล้วก็ฟังไปเรื่อย ๆ ตัว เองไม่ได้ยอมมาเยี่ยม เพราะว่าห้างว่าตัวเองติดงานเยอะ หรือมีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
แต่สุดท้าย พอแย่จริง ๆ ก็ยอมบินมา พอยอมบินมา ก็นี่เลยครับ เหมือนเดิม สั่งหมอ พูดโน่นพูดนี่ ก็ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ใครไปที่ต่างประเทศก็เข้าใจไว้เลยนะครับ คำว่า Daughter from California
แล้วกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นสิ่ง ที่ทุกคนควรจะต้องทำนะครับ ถ้าเรามีคนที่เรารัก เราห่วง อย่างน้อย ถ้าคุณงานหนัก คุณควรจะติดต่อกับเขาเรื่อย ๆ นะครับ บางคนส่งข้อความทุกวัน บางคนจะต้องมีการคุยกันอาทิตย์ละหน บางคนเนี่ยจะมีวันของครอบครัวที่จะต้องเจอกันนะครับ
อย่างของผมเนี่ย ถ้าผมอยู่ประเทศไทย ทุกวันอาทิตย์เย็นผมก็จะกินข้าวกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ ทำให้มันเหมือนเป็นกิจลักษณะอย่างนี้เรื่อย ๆ เราจะเข้า ใจและมีความผูกพัน และเราก็จะไม่มีความรู้สึกผิดอะไรตั้งแต่แรก ว่าเราไม่เคยมาเหลียวแลคน ๆ นั้นเลย
ประการที่สอง การทำแบบเนี้ยมันจะทำให้เราเข้าใจใน อีก ฝ่ายนึงนึงมากๆ ว่าถ้าเกิดภาวะอะไรที่มันหนักหนาถึงชีวิตขึ้นมา เค้าต้องการ อะไรมากที่สุดนะครับ แล้วเวลาที่เราพาเค้าไปหาหมอเนี่ย เราก็จะเข้า ใจเลยว่าเราไม่ได้รู้สึกผิด เรากตัญญูกับเค้า เราไปมาหาสู่กับเขาเป็นประจำ ติดต่อกับเค้าเป็นประจำ ทีนี้เวลาที่เกิดเรื่องขึ้นมาเนี่ยเราก็จะ ใจเย็นลง แล้วเราจะฝากสามารถฟังอีกฝ่ายนึงอธิบายได้นะครับ
การที่เรามองเห็นตั้งแต่สเต็ปแรกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราทำไมถึงโวยวาย การดูแลก่อนที่คนเหล่านี้จะป่วย เป็นการดูแลที่แบบครอบครัวควรจะทำให้กันจนถึงวาระสุดท้าย ถ้าคุณเห็นภาพของหนังทั้งเรื่อง หนังทั้งชีวิต อย่างนี้มันจะทำให้คุณเข้าใจเลยว่า เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ คุณจะไม่เป็นโรค กตัญญูเฉียบพลัน You will not be that daughter from California or you will not be that son from California นะครับ
ขณะที่เพจฯ Drama-addict เผยเอกสารทางการแพทย์ระบุถึงเคส กตัญญูเฉียบพลัน เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก
"นี่คือเอกสารทางการแพทย์ที่มีระบุถึง โรคกตัญญูเฉียบพลัน เป็นครั้งแรกของโลก ตีพิมพ์ในปี 1991 เป็นเคสรีพอร์ตเกี่ยวกับการดูแล ผู้ป่วยอายุ 80 กว่าปีที่เป็นอัลไซเมอร์และอาการหนัก
พอลูกสาวที่อยู่ห่างไกลและปกติไม่ดูดำดูดีคนไข้ ไม่เคยมาเยี่ยมคนไข้เลยตลอดห้าปี มาเห็นสภาพของคนไข้เข้า ก็สั่งให้หมอทำการรักษาคนไข้เต็มที่โดยไม่สมเหตุสมผลกับอาการของคนไข้และไม่สนใจว่าไอ้ที่อยากให้หมอทำกับคนไข้นั้นมันจะมีผลเสียยังไงกับคนไข้บ้าง และแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกับบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ขั้นตอนการรักษายุ่งยากขึ้น
เป็นรูปแบบหนึ่งของ กลไกการปรับตัวเข้ากับข่าวร้ายของบุพการี ซึ่งเจ้าตัวยังรับไม่ได้ ก็เลย เอาความรู้สึกไม่พอใจปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นและโยน อารมณ์เหล่านั้นไปใส่บุคลากรการแพทย์
เหตุผลที่เรียกโรคนี้ว่า ลูกสาวจากแคลิฟอร์เนีย เพราะแคลิฟอร์เนียเป็นเมืองใหญ่และเจริญ เค้าจะเปรียบเทียบกับพวกลูกหลานที่อยู่ในเมืองปกติไม่ค่อยสนใจพ่อแม่ที่อยู่ห่างไกลนั่นเอง ส่วนที่เมืองแคลิฟอร์เนียจะเรียกโรคนี้ว่าลูกสาวจากนิวยอร์ก"
สรุป : "โรคกตัญญูเฉียบพลัน" ไม่ใช่โรคที่ปรากฏในตำราแพทย์ แต่เป็นภาวะทางจิตวิทยาที่บุคลากรทางการแพทย์ใช้เรียกอาการที่เกิดจากแรงกดดันทางสังคมและความรู้สึกผิดส่วนตัว ซึ่งผลักดันให้ลูกหลานพยายามตอบแทนบุญคุณจนเกินขอบเขต หรือกระทำการที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตสุขภาพของพ่อแม่
คำถามที่ตามมาคือ ความกตัญญูที่มาจากความรู้สึกผิด ความเครียด และนำไปสู่การทำร้ายตนเอง (ยอมอยู่ในสภาพจิตใจบอบช้ำ) หรือทำร้ายผู้อื่น (บุคลากรทางการแพทย์) รวมถึงทำร้ายผู้ป่วยเอง (การยื้อชีวิตอย่างไร้เหตุผล) ยังนับเป็น "ความดี" ได้อยู่หรือไม่?
ดังนั้น การกตัญญูที่แท้จริงต้องตั้งอยู่บน ความเข้าใจและการยอมรับความเป็นจริง ไม่ใช่การถูกผลักดันด้วยความรู้สึกผิด หรือความกลัวการถูกตัดสินจากสังคม
Advertisement