ท่องเที่ยวไทย-เอเชียรับอานิสงส์ F1 สิงคโปร์ คนตีตั๋วเที่ยวต่อหลังแข่ง
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (3–5 ต.ค. 2568) เสียงเครื่องยนต์ของรถ Formula 1 กลับมาดังก้องเหนืออ่าวมารินาอีกครั้ง ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับนับหมื่นดวงและบรรยากาศแห่งความตื่นเต้นที่ปกคลุมทั่วใจกลางสิงคโปร์ การกลับมาของ Singapore Grand Prix ปีนี้ไม่ได้เป็นเพียงมหกรรมกีฬาระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึง “พลังทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดน” ที่กำลังขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงเจ้าภาพการแข่งขัน บัดนี้กลายเป็น “ศูนย์กลางการเดินทาง” ที่เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ากับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงฟิจิ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เบื้องหลังสนามแข่งรอบอ่าว Marina Bay คือการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในทุกเส้นทางบิน ข้อมูลการจองเที่ยวบินจากบริษัทการตลาดด้านการท่องเที่ยว Sojern ระบุว่า นักเดินทางจำนวนมากที่มาชมการแข่งขันรถสูตรหนึ่งในปีนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงที่สิงคโปร์ แต่ยังขยายทริปต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยราว 25% ของผู้โดยสารจากอเมริกาเหนือและแคนาดา เลือกเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่น 18% ของนักท่องเที่ยวยุโรป มุ่งหน้ามายังประเทศไทย และเกือบ หนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย เดินทางต่อไปยังอินโดนีเซีย โดยส่วนใหญ่เลือกพักผ่อนที่บาหลี
นอกจากนี้ ยังมีนักเดินทางอีกจำนวนไม่น้อยที่วางแผนไปต่อยัง จีน เกาหลีใต้ อินเดีย มัลดีฟส์ และฟิจิ สะท้อนให้เห็นว่า การแข่งขันสามวันที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงงานกีฬา ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่กระจายรายได้การท่องเที่ยวไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียในช่วงเวลาเดียวกัน
'F1' จุดเชื่อมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค
แม้สิงคโปร์จะเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากรายได้มหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงที่มีสัปดาห์การแข่งขัน ตั้งแต่ห้องสวีทราคาคืนละกว่า 62,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงแพ็กเกจตั๋วชมการแข่งขันที่มีราคาหลักแสนดอลลาร์ แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวไม่ได้หยุดอยู่เพียงในประเทศเจ้าภาพอย่างสิงคโปร์เท่านั้น ข้อมูลของ Sojern ชี้ว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากได้วางแผนใช้จ่ายข้ามพรมแดน ทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน F1 ในสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มขึ้นในวันศุกร์และจบลงแล้วในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
Samer Elhajjar อาจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) อธิบายว่า เว็บไซต์ท่องเที่ยวในหลายประเทศเริ่มรวมแพ็กเกจ “Singapore F1” เข้ากับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “นักท่องเที่ยวจะมาชมการแข่งขันในสิงคโปร์ แล้วต่อทริปพักผ่อนที่บาหลีสองถึงสามวัน นั่นเป็นประโยชน์โดยตรงต่อเศรษฐกิจทั้งภูมิภาค” เขากล่าว
รายงานของ CNBC Travel ยังพบว่า แพ็กเกจท่องเที่ยวบางรายการจับคู่การแข่งขัน Singapore Grand Prix 2025 เข้ากับทริปพักผ่อนใน ลังกาวี หรือ บอร์เนียว ในมาเลเซีย และบางแพ็กเกจยังเชื่อมต่อกับทริปล่องเรือหรูที่รวมจุดแวะพักใน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และเวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันที่กินเวลาเพียงสามวันนี้ได้กลายเป็น “ตัวเร่ง” ให้เกิดการท่องเที่ยวแบบหลายเส้นทางทั่วเอเชีย
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของ Visa ที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งพบว่าการแข่งขัน F1 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกสร้างผลคูณทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากเมืองเจ้าภาพด้วยเช่นกัน เช่น ในการแข่งขัน Australian Grand Prix 2025 ราว 25% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงอยู่ต่อในเขตชานเมืองเมลเบิร์นหลังจบการแข่งขัน ขณะที่ 10% อยู่ในตัวเมือง และ 5% เดินทางต่อไปยังซิดนีย์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมลเบิร์นกว่า 800 กิโลเมตร ส่วนใน Japan Grand Prix ที่ Suzuka นักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10% ก็เดินทางต่อไป โอซาก้า, 5% ไปเกียวโต, และ 20% เดินทางต่อไปยัง โอกินาวา ซึ่งอยู่ไกลกว่า 1,100 กิโลเมตรจากสนามแข่ง
จากการแข่งขันสามวัน สู่สัปดาห์แห่งกิจกรรมระดับโลก
นอกจากจะกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวในภูมิภาคแล้ว การแข่งขัน Singapore Grand Prix ยังได้พัฒนาและขยายขอบเขตจากการแข่งขันรถยนต์เพียงสามวัน ไปสู่การเป็น “สัปดาห์แห่งกิจกรรมระดับโลก” ที่หลอมรวมกีฬา การค้า และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
ในช่วงสัปดาห์การแข่งขัน F1 ทั้งเมืองสิงคโปร์เต็มไปด้วยนักลงทุนและผู้นำธุรกิจจากทั่วโลก ที่เดินทางมาเข้าร่วมงานประชุมสำคัญซึ่งจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น Token2049 เวทีระดับโลกของอุตสาหกรรมคริปโต และ Milken Institute Asia Summit ที่รวบรวมผู้บริหารระดับสูงและผู้นำเศรษฐกิจจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ถือเป็นช่วงเวลาที่สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางของทั้งธุรกิจ กีฬา และเทคโนโลยีระดับโลกอย่างแท้จริง
ข้อมูลจาก Sojern ยังระบุว่า นักท่องเที่ยวจาก อเมริกาเหนือและยุโรป คิดเป็นราว 25% ของผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ก่อนการแข่งขัน และมักมาถึงก่อนงานหลายวัน รวมถึงอยู่ต่อหลังจบงานนานกว่าผู้มาเยือนจากเอเชีย ขณะเดียวกัน นักเดินทางจากเกาหลีใต้และจีนยังเพิ่มขึ้นจนแซงสหราชอาณาจักร ขึ้นมาอยู่ในห้าอันดับแรกของตลาดหลักในปีนี้ นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวยังเพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อน ในขณะที่ผู้เดินทางคนเดียวลดลง 8% สะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันในปีนี้กำลังดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนมากขึ้น
“การที่นักท่องเที่ยวอยู่ต่อหลังงาน หมายถึงการขยายช่วงเวลาการใช้จ่ายในพื้นที่ และเพิ่มผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของทั้งสิงคโปร์และประเทศในภูมิภาค” เอลฮัจญาร์กล่าว
นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Hilton ที่เผยแพร่ในช่วงเวลาเดียวกันยังยืนยันแนวโน้มนี้ โดยพบว่าเกือบ 40% ของนักเดินทางในเอเชีย-แปซิฟิก มีแผนจองทริประหว่างประเทศเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาและดนตรีหลังชมการแข่งขัน F1 โดยมีนักท่องเที่ยวจากจีน (59%) และอินเดีย (57%) เป็นกลุ่มนำในปีนี้
Ben George รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ของ Hilton ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า “ผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการใช้จ่าย จากการซื้อสินค้า มาเป็นการลงทุนในประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางอารมณ์มากกว่า”
ผลสำรวจที่เก็บข้อมูลจากนักเดินทางกว่า 5,000 คนใน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ พบว่า นักท่องเที่ยวยอมใช้ทั้งเงินและคะแนนสะสมมากขึ้นเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เช่น การพบปะนักแข่ง (Meet & Greet) หรือ การทัวร์หลังเวที (Behind-the-scenes Tour) โดยเฉพาะในปีนี้ สมาชิก Hilton ใช้คะแนนสะสมมากกว่า 9 ล้านคะแนน เพื่อแลกแพ็กเกจประสบการณ์ในงาน Singapore Grand Prix 6 รายการ เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มีการจัดการแข่งขัน
Singapore Grand Prix 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงสนามแข่งรถที่สร้างรายได้ให้ประเทศ แต่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เชื่อมโยงเอเชียเข้าด้วยกัน การแข่งขันสามวันได้กลายเป็นสัปดาห์แห่งการเดินทาง การใช้จ่าย และการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจที่แผ่ขยายไปทั่วภูมิภาค และสะท้อนให้เห็นว่า การแข่งขันกีฬาความเร็วสูงมีศักยภาพสูงในการเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจแห่งประสบการณ์ (Experience Economy) ในเอเชีย ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยพลังของการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน เมือง และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตไปพร้อมกัน
