"เส้นเลือดขอด" หากปล่อยแผลเรื้อรัง เสี่ยงติดเชื้อ แผลไม่หาย จนถึงขั้นตัดขา! ใส่ส้นสูงบ่อย นั่งไขว่ห้าง ยืนนาน นั่งนาน โรคอ้วน หรือเคยตั้งครรภ์ ต้องระวัง เปิดความจริงที่ยังเข้าใจกันผิดๆ กับ “หมอเบล นพ.อภิชาติ งานรุ่งเรือง” ศัลยแพทย์หลอดเลือด รู้ทันเรื่องเส้นเลือดขอดก่อนสาย ในรายการ “On the way with Chom”
โรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดมีกี่ชนิด สำหรับเส้นเลือดในร่างกาย จะมีเส้นเลือดแดง Artery คือเส้นเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย พอเข้าไปสู่ปลายบริเวณที่จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซก็จะกลายเป็นเส้นเลือดฝอย แล้วก็จะถูกนำทั้งหมดกลับมาฟอกเข้ามาที่หัวใจ เพื่อปั้มไปฟอกที่ปอด อันนั้นคือเส้นเลือดดำ Vein คือเส้นเลือดดำที่สร้างปัญหาที่เป็นเส้นเลือดขอด ก็คือที่บริเวณขา แต่จะไม่เกิดกับเส้นเลือดแดง เส้นเลือดแดงเป็นเส้นเลือดที่มีขนาดค่อนข้างหนา มีกล้ามเนื้อเป็นของตัวเอง สามารถปั๊มเลือด เหมือนเขามีปั๊มน้ำเป็นของตัวเอง
ซึ่งไม่เหมือนกับเส้นเลือดดำ เส้นเลือดดำจริงๆ มีกล้ามเนื้อแต่บางมากไม่สามารถปั๊มเลือดตัวเองขึ้นมาได้ ต้องใช้กล้ามเนื้อข้างๆ เช่น กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อขา หรือส่วนต่างๆ ของร่างกายในการช่วยบีบรัดเพื่อไล่เลือดออกไปด้านหน้า น้ำตกลงสู่ที่ต่ำร่างกายเราก็เลยสร้างประตู ให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นประตูน้ำแบบหนึ่งครับ แต่ประตูน้ำนี้
โดยปกติแล้วจะให้เลือดไปทางเดียว แต่วันดีคืนดีประตูมันดันเสียมันปิดไม่ได้ เลือดจากอยู่บนสุดหรือว่าอยู่ขึ้นไปสูงแล้วก็ตกพรวดลงมาเรื่อยๆ คือมันจะแบ่งเหมือนเป็นห้องเล็กๆ ผมเปรียบเทียบว่าเส้นเลือดเหมือนท่อน้ำที่ยาวขึ้นไปมันจะถูกแบ่งเป็นห้องๆ ด้วยประตูนี่แหล่ะ ถ้าประตูเสีย 1 ประตูก็จะตกลงมาก็เลยขึ้นไปไม่ถึงข้างบนสักที ความดันหลอดเลือดก็เพิ่มขึ้น ห้องมันก็โตขึ้น เส้นเลือดมันก็โป่งขึ้น มันถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ทำไมเส้นเลือดขอดในผู้ป่วยบางท่านจึงมีขนาดเส้นที่มันใหญ่ขึ้นครับ
วิธีสังเกต คืออาการของเส้นเลือดขอดมันเป็นกลุ่มโรคใหญ่ ๆ โรคหนึ่ง เส้นเลือดขอดไม่ใช่ตัวโรค จะเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของเขา ซึ่งจริงๆ ตัวโรคชื่อว่า Chronic Venous Insufficiency (CVI) แปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ภาวะหลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง ใช้เวลาในการก่อตัวโรคนานมากประมาณสัก 5- 10 ปี
โดยปกติแล้วจะแบ่งความรุนแรงได้เป็น 6 ระยะ ระยะแรกก็คือมักจะเริ่มเห็นว่ามีเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดเหมือนใยแมงมุมเล็กๆ บริเวณขา บริเวณน่อง ระยะที่รุนแรงมากขึ้นก็คือระยะที่ 3 ผู้ป่วยอาจจะมีอาการบวม มักจะเกิดกับที่บริเวณข้อเท้าก็ได้ หลังเท้า หรือตรงน่อง ระยะ 4 ก็จะเริ่มมีผิวหนังที่เข้มขึ้น แล้วก็แข็งขึ้นเมื่อปล่อยเวลาไปนานๆ เกิดการอักเสบรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายก็นำไปสู่การเกิดแผล ระยะที่ 5 แผลก็เป็นๆหายๆ แต่ถ้าแผลไม่หายก็คือระยะที่ 6 สุดท้าย โอกาสในการผ่าตัดก็จะสูงขึ้น ความซับซ้อนในการรักษาก็จะมากขึ้น
ยิ่งเราเปิดแผล มีแผลนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อในระยะยาวมากขึ้นอยู่แล้ว ในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นแผลเรื้อรังโดยปกติเส้นเลือดขอดไม่ได้ส่งผลอะไรรุนแรง หมายความว่าแค่เป็นแผลที่ไม่หาย ถ้าผู้ป่วยปล่อยปะละเลยหรือในบางกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเบาหวานร่วมด้วยแล้วก็รักษาเบาหวานได้ไม่ดีคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ก็อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อซ้ำซ้อน คือเฉพาะตัวแผลก็หนักแล้วเพราะมันไม่หาย ยิ่งคนไข้เป็นเบาหวานดูแลแผลไม่ดีก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางครั้งผู้ป่วยอาจจะมีการสูญเสียอวัยวะได้
กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเส้นเลือดขอด โดยปกติความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดขอด มันจะแบ่งเป็นความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้กับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้ ความเสี่ยงที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น ผู้หญิงมีความเสี่ยงการเป็นเส้นเลือดขอดมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว อีกอันหนึ่งก็คือพันธุกรรม เช่น พ่อแม่เป็นลูกก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น แล้วก็ในส่วนของความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ที่เจอกันได้บ่อยคือเป็นโรคอ้วนที่คนไข้บางท่านที่มี BMI มากกว่า 30 ขึ้นไปก็เริ่มเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเส้นเลือดขอดแล้ว พอเราอ้วนมันก็อาจจะต้องใช้ความดันหลอดเลือดในการสูงขึ้นไปที่มันมากขึ้นหรืออักเสบติดเชื้อ อีกอันหนึ่งที่เจอได้บ่อยก็คือภาวะเส้นเลือดขอดหลังการตั้งครรภ์
และคนที่ทำงานออฟฟิศก็มีโอกาสเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ถ้าเกิดเรานั่งทำงานออฟฟิศก็อาจจะต้องไปเข้าห้องน้ำ สักชั่วโมงละครั้ง หรือไปชงกาแฟบ้าง คือเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ไม่ใช่ว่า 3-4 ชั่วโมงนั่งอยู่ท่าเดิมตลอด และการใส่รองเท้าส้นสูง น่าจะมีผลอยู่พอสมควร เพราะว่าเหมือนเราเขย่งเท้าตลอดเวลา มันก็จะมีความดันหลอดเลือดที่มันเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา แต่ว่าอาจจะไม่ได้เป็นความเสี่ยงที่สูงมากๆ
วิธีการรักษาในปัจจุบัน ควรต้องมาปรึกษาแพทย์ โดยปกติแล้วการรักษาเส้นเลือดขอด มีการรักษาหลัก ๆ อยู่ 2 อย่าง คือ การฉีดยา และ การผ่าตัด โดยการผ่าตัดก็คือคนไข้ที่มีเส้นเลือดขอดที่มีเส้นเลือดเสียในเส้นเลือดใหญ่ของมัน ส่วนเรื่องการฉีดยาจะโฟกัสที่การรักษาเส้นเลือดเส้นเล็กๆ หรือเส้นเลือดฝอย คือเส้นเลือดขอดที่ผู้ป่วยมีคือเส้นเลือดที่ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ พวกนี้คือเส้นเลือดที่เราไม่จำเป็นต้องเก็บไว้การรักษาหลักๆ คือการทำลายเขาทิ้ง
เส้นเลือดขอดรักษาแล้วหายขาดไหมและกลับมาเป็นอีกได้ไหม หลังจากรักษาแล้วไม่ว่าจะเป็นการฉีดหรือผ่าตัด สามารถกลับมาเป็นได้อีก แต่ว่าอาจจะใช้เวลาก่อโรคค่อนข้างใช้เวลาในระยะหนึ่ง ในผู้ป่วยบางท่านอาจจะไม่เป็นอีกเลยก็ได้ อยู่ที่การปรับเปลี่ยนหลายอย่างด้วย
วิธีป้องกัน ถ้าในเชิงของอาหารน่าจะยังไม่มีหลักฐานในทางการแพทย์ที่ชัดเจน แต่ว่าถ้าในเชิงของการลดความเสี่ยงก็คงลดน้ำหนักเพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในความเสี่ยงของการเป็นเส้นเลือดขอดที่มากขึ้น อย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของอิริยาบถก็อาจจะไม่นั่งนาน ไม่ยืนนาน อาจจะต้องมีการเปลี่ยน Activity บ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนานๆ แต่ก็เข้าใจว่าบางอาชีพหลีกเลี่ยงได้ยาก สิ่งสำคัญที่ยังเข้าใจว่าเส้นเลือดขอดเป็นเรื่องของความไม่สวยงามก็คือถ้าเราไม่สนใจก็ไม่ได้เป็นอะไร ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ เส้นเลือดขอดคือโรคเลยท่านต้องได้รับการรักษา แปลว่าถ้าท่านปล่อยปะละเลยไว้ หรือไม่ได้ใส่ใจโรคนี้อาจจะแย่ลง ท่านควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการรักษานี้ เพื่อรักษาท่านอย่างถูกต้อง
Advertisement