Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
5 ชนิดมะเร็งที่ตรวจพบมากในเด็ก หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก

5 ชนิดมะเร็งที่ตรวจพบมากในเด็ก หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก

20 ต.ค. 68
16:02 น.
แชร์

5 ชนิดมะเร็งที่ตรวจพบมากในเด็ก หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก รู้จักเพื่อสังเกตลูกหลาน อันตรายที่หายขาดได้หากรู้ตัวเร็ว

ไม่ใช่แค่เพียงผู้ใหญ่ที่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ที่ปัจจุบันพบได้ง่ายและมีปัจจัยกระตุ้นมากขึ้น ทั้งจากพันธุกรรมหรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิต เด็กก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่พบได้และเป็นความกังวลใจของผู้ปกครอง เนื่องจากมะเร็งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย ซึ่งโรคมะเร็งที่พบมากในเด็ก มีดังนี้

1. มะเร็งเม็ดเลือดขาว

เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย พบได้ประมาณ 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งทั้งหมดในเด็ก เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้ติดเชื้อง่ายและเลือดออกง่ายผิดปกติ อาการที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้สูงเรื้อรัง มีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย และต่อมน้ำเหลืองโต

ข้อมูลจากโรงพยาบาล Nationwide Children's โรงพยาบาลเด็กที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปัจจุบันโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก โดยคิดเป็นประมาณ 75% ของมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมดในเด็ก โดยส่วนใหญ่มักเกิดกับเด็กอายุระหว่าง 2-5 ขวบ และมักเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง และ Acute Myeloid Leukemia (AML) โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน พบได้ 10-20% มักเกิดขึ้นเล็กน้อยในช่วงวัยรุ่น และสามารถเกิดขึ้นในเด็กชายและเด็กหญิงในสัดส่วนเท่าๆ กัน

สาเหตุที่แน่ชัดของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากภาวะทางพันธุกรรมและระบบภูมิคุ้มกันบางอย่างที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก เช่น โรคทางพันธุกรรมบางชนิดอย่างดาวน์ซินโดรม และโรคลี-ฟราอูเมนี ภาวะทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน รวมปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น การได้รับรังสีในระดับสูง การสัมผัสสิ่งแวดล้อม สารเคมี ยาฆ่าแมลง การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหากการติดเชื้อเกิดขึ้นก่อนคลอดหรือหลังจากช่วงไม่กี่ปีแรกของชีวิต

2. มะเร็งสมอง

อ้างอิงจากบทความ โรคมะเร็งสมองในเด็ก โดย รศ.นพ.ปิติ เตชะวิจิตร์ สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบว่ามะเร็งสมองและระบบประสาท เป็นโรคมะเร็งในเด็กที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในประเทศไทยมีผู้ป่วยเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่ประมาณปีละ 200 ราย พบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าการเกิดโรคมีปัจจัยร่วมกันระหว่างปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยสิ่งแวดล้อม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การได้รับสารกัมมันตรังสีโดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะและไขสันหลัง นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีโรคความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่กำเนิดบางชนิดจะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งสมองได้มากกว่าคนปกติ เช่น โรคท้าวแสนปม และ โรคทูเบอรัส สเคลอโรซิส คอมเพล็กซ์ เป็นต้น

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการและอาการแสดงที่ไม่เฉพาะเจาะจง และคล้ายกับการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก อาการของโรคมะเร็งสมองในเด็กอาจแตกต่างตามช่วงอายุของผู้ป่วยดังนี้

- เด็กทารกและเด็กเล็กที่ยังไม่เริ่มเกาะยืนหรือเดิน

อาจมีอาการอาเจียนเรื้อรังที่ไม่มีสาเหตุจากโรคระบบทางเดินอาหาร เลี้ยงไม่โต ตรวจร่างกายพบกระหม่อมและรอยแยกกะโหลกศีรษะกว้างกว่าค่าปกติ ขนาดศีรษะโตเร็วกว่าปกติ หากเป็นมากอาจพบตาเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น ตาเหล่เข้าด้านในจากความดันในระบบประสาทขึ้นสูง การเคลื่อนไหวผิดปกติไม่เท่ากันจากอ่อนแรงของแขนและขา การวินิจฉัยผู้ป่วยอายุช่วงวัยนี้มักทำได้ยากและมักได้รับการวินิจฉัยล่าช้า

- เด็กเล็กก่อนวัยเรียนและวัยอนุบาล

อาจมีอาการอาเจียนโดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน มีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะหากมีอาการและร้องกวนจนตื่นกลางดึก เด็กอาจแสดงอาการปวดศีรษะด้วยการทุบหรือกระแทกศีรษะ ผู้ป่วยบางรายมีอาการเดินเซ แขนขาอ่อนแรง

- ในเด็กวัยเรียนหลังวัยอนุบาล

มักมีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะการปวดที่มีอาการรุนแรงมากขึ้นและระยะเวลาที่มีอาการน้อยกว่า 6 เดือน โดยเฉพาะหากมีอาการปวดจนตื่นกลางดึก อาเจียนหลังตื่นนอนตอนเช้าโดยอาเจียนเรื้อรังและไม่พบสาเหตุอื่น แขนขาอ่อนแรง เดินเซ ผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยความผิดปกติของการมองเห็นผิดปกติหรือเห็นภาพซ้อนจากการที่ก้อนกดเส้นประสาทการมองเห็น ปัสสาวะบ่อยหิวน้ำบ่อยจากภาวะพร่องฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง

การรักษาโรคมะเร็งสมองในเด็กจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาและการรักษาหลายรูปแบบร่วมกันเพื่อผลการรักษาที่ดี ลดภาวะแทรกซ้อน และผู้ป่วยที่รอดชีวิตเติบโตด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีใกล้เคียงปกติมากที่สุด การรักษาที่สำคัญประกอบด้วย การผ่าตัด , การฉายแสง , เคมีบำบัด การฟื้นฟูและกายภาพบำบัดรวมถึงการดูและรักษาประคับประคองอื่นๆ ร่วมกันได้

3. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในเด็กเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อและโรคต่างๆ เป็นอีกหนึ่งชนิดมะเร็งที่พบมากในเด็ก แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin) และ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non Hodgkin)

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองบวมหนึ่งต่อมหรือมากกว่านั้น มักพบที่บริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังสามารถทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่ เป็นไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลด อาการไอหรือหายใจลำบาก อาการบวมที่ท้อง

การรักษาหลักๆ ประกอบไปด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด และการฉายรังสี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ปัจจุบันการรักษาค่อนข้างดี มีอัตราการรอดชีวิต 70-95% ซึ่งขึ้นกับชนิดของโรคและระยะของโรค

โดยโรคนี้จำเป็นต้องนำชิ้นเนื้อจากก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองมาตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดทางพยาธิวิทยา รวมถึงต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูการกระจายของตัวโรค เช่น การตรวจทางรังสีวินิจฉัย (CT scan, Gallium scan/PET scan และ Bone scan) และการตรวจชิ้นเนื้อไขกระดูก การเจาะน้ำไขสันหลัง ซึ่งทำภายใต้การดมยาสลบเพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในน้ำไขสันหลัง

4. มะเร็งต่อมหมวกไต

มะเร็งต่อมหมวกไต เป็นมะเร็งที่พบได้ยาก เกิดขึ้นที่ชั้นนอกของต่อมหมวกไตที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนต่างๆ พบได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และสามารถแพร่กระจายไปยังไต ปอด กระดูก และสมอง อาการที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งต่อมหมวกไต ได้แก่ คลำพบก้อนในช่องท้อง อาการแทรกซ้อนจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง เช่น ไข้ ซีด อ่อนแรง ปวดตามร่างกายหรือกระดูก ก้อนที่ผิวหนัง และอาจมีอาการของฮอร์โมนผิดปกติ เช่น หน้าอกโตเร็วในเด็ก หรือความดันโลหิตสูง

มะเร็งต่อมหมวกไตมักมีความเกี่ยวข้องกับภาวะทางพันธุกรรม การตรวจหามะเร็งต่อมหมวกไต สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดและปัสสาวะ , การทำ CT สแกน , สแกน MRI , อัลตราซาวนด์ , การตัดชิ้นเนื้อหรือดูดไขกระดูกเพื่อนำไปตรวจ รวมถึงการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์เพื่อยับยั้งผลกระทบที่ทำให้เนื้องอกมีลักษณะเป็นชาย หากเกิดการกลับเป็นซ้ำ การผ่าตัดเอาออกอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้ ซึ่งอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่ตรวจพบเนื้องอกในระยะเริ่มต้นจะสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์

5. มะเร็งกระดูก

มะเร็งกระดูก เกิดจากความผิดปกติภายในเซลล์ของกระดูกที่เป็นเนื้องอก ซึ่งหากเป็นเนื้อร้ายก็จะก่อให้เกิดมะเร็งกระดูก มะเร็งกระดูกที่เกิดขึ้นในเด็กมี 2 ประเภทหลัก ซึ่งพบได้น้อยแต่เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดในเด็กและวัยรุ่นคือ

มะเร็งออสทีโอซาร์โคมา (Osteosarcoma) เป็นมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดในเด็กและวัยรุ่น เกิดจากเซลล์กระดูกที่เปลี่ยนแปลงไปและเติบโตอย่างควบคุมไม่ได้ โดยมักเกิดขึ้นที่กระดูกยาว เช่น แขนและขา กระดูกต้นขาข้างเข่า กระดูกแข้งข้างเข่า กระดูกต้นแขนข้างไหล่ มะเร็งกระดูกมักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในช่วงที่วัยรุ่นมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

และ มะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคมา (Ewing sarcoma) เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อนรอบกระดูก รวมถึง กระดูกขา เชิงกราน ซี่โครง หรือกระดูกสันหลัง มักพบในเด็กและวัยรุ่นช่วงอายุ 10-20 ปี หากผู้ป่วยได้เริ่มการรักษาโดยยังไม่มีการลุกลามไปที่อื่น จะมีอัตราการรอดชีวิตใน 5 ปี ที่ประมาน 50-60 % แต่จะลดลงเหลือเพียง 25-30 % หากมีการลุกลาม

มะเร็งกระดูกมักจะเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ป่วยมักมีอาการปวดกระดูกโดยเฉพาะตอนกลางคืน ซึ่งแตกต่างจากอาการปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบหรือจากข้อเคล็ดต่างๆ ที่ปวดในช่วงที่ใช้งานบริเวณนั้น หากเป็นในเด็กจะมีอาการปวดกระดูกมากขึ้นเวลาไปวิ่งเล่นแล้วหกล้ม มีก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ จากกระดูก เมื่อเป็นมากขึ้นอาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลดได้

การวินิจฉัยและรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค ทำได้ด้วยการเอกซเรย์ การตรวจชิ้นเนื้อ และการตรวจอื่นๆ เช่น CT, MRI, PET scan และการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรง ซึ่งประกอบด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี และยาต้านฮอร์โมนหรือยาลดแคลเซียมในเลือด ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

การรักษามะเร็งในเด็กใช้วิธีเดียวกันกับการรักษาโรคมะเร็งในผู้ใหญ่ ด้วยหลายวิธีหลักๆ ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี รวมถึงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดและภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็ง รวมถึงอายุของเด็กแต่ละราย

มะเร็งในเด็ก อันตรายแต่หายขาดได้หากรู้ตัวเร็ว หากพบว่าลูกหลานมีอาการผิดปกติควรรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ เพราะมะเร็งในเด็กมีโอกาสหายขาดได้และตอบสนองต่อการรักษาได้ดี เนื่องจากร่างกายยังมีการเจริญเติบโตและพัฒนาได้

อ้างอิง :

ศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan Kettering

สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society)

Nationwide Children's Hospital

สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

Boston Children's Hospital

Advertisement

แชร์
5 ชนิดมะเร็งที่ตรวจพบมากในเด็ก หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก