รายงานของ Sensor Tower บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดและแอปพลิเคชันมือถือ เปิดเผยว่ายอดผู้ใช้แพลตฟอร์ม Temu ในสหรัฐฯ ลดลง 58% ในเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ความเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา Temu ตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโฆษณาในสหรัฐฯ และเปลี่ยนกลยุทธ์การจัดการคำสั่งซื้อ ภายหลังทำเนียบขาวประกาศยุติมาตรการการยกเว้นภาษีขั้นต่ำ (De Minimis Exemption) ซึ่งเป็นมาตรการทางศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติรวมถึงจีน สามารถส่งพัสดุราคาไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 26,400 บาท ไปยังสหรัฐฯ โดยไม่เสียภาษี
มาตรการดังกล่าวมีที่มาจากความต้องการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้กลายเป็นช่องโหว่ให้สินค้าต่างชาติราคาถูกจำนวนมหาศาลทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ
Temu และ Shein บริษัทฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ของจีน คือสองบริษัทที่ได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการการยกเว้นภาษีขั้นต่ำของสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายปี โดยพวกเขาใช้การส่งสินค้าโดยตรงจากซัพพลายเออร์ในจีนไปยังผู้บริโภคในสหรัฐฯ ทำให้สินค้าของ Temu และ Shein มีราคาถูกมาก และกลายเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่มัดใจผู้บริโภค
ทั้งนี้ สถานการณ์ของ Temu และ Shein เริ่มย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการทางภาษีครั้งใหญ่กับการนำเข้าสินค้าจากต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เรื่องนี้ส่งผลทำให้ยอดขายและอัตราการเติบโตของลูกค้าของ Temu และ Shein แย่ลงอย่างมาก
ข้อมูลจาก Bain & Company บริษัทด้านที่ปรึกษาและการวิเคราะห์ระบุว่าแนวโน้มของ Temu นั้นแย่กว่าคู่แข่ง เนื่องจากการยุติมาตรการการยกเว้นภาษีขั้นต่ำ ส่งผลทำให้ Temu และ Shein ต้องปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ในกรณีของ Shein พวกเขาสามารถเพิ่มยอดการใช้จ่ายของลูกค้าต่อคนได้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในขณะที่ Temu กลับประสบปัญหา สะท้อนจากรายได้ไตรมาสแรกของ PDD Holdings บริษัทแม่ของ Temu ในสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้ ผู้บริหารได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวในการประชุมภายหลังการประกาศผลประกอบการ ว่ามาตรการภาษีศุลกากรกำลังสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับผู้ค้าของบริษัท
อ้างอิง: Reuters