Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์จะเดินเกมต่ออย่างไร?หลังศาลอุทธรณ์เปิดทางภาษีทรัมป์ไปต่อชั่วคราว
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์จะเดินเกมต่ออย่างไร?หลังศาลอุทธรณ์เปิดทางภาษีทรัมป์ไปต่อชั่วคราว

30 พ.ค. 68
11:44 น.
แชร์

ศึกภาษีทรัมป์ยังไม่จบ: ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ “พักคำสั่ง” ฟื้นอำนาจเก็บภาษีชั่วคราว ศาลสูงอาจเป็นเวทีชี้ขาด

การต่อสู้ทางกฎหมายว่าด้วยอำนาจการจัดเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หลังศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ มีคำสั่ง “พักการบังคับใช้คำพิพากษา” จากศาลการค้าระหว่างประเทศ (USCIT) ซึ่งเพิ่งตัดสินให้มาตรการภาษีจำนวนมากของทรัมป์เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (IEEPA)

คำสั่งล่าสุดของศาลอุทธรณ์ถือเป็นชัยชนะชั่วคราวของทีมทรัมป์ ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศต่อไปได้ในระหว่างรอการพิจารณาอุทธรณ์ และอาจยื้อเวลาได้ยาวถึงศาลฎีกา ซึ่งจะกลายเป็นเวทีตัดสินชี้ขาดหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจที่ทรงอิทธิพลและเป็นข้อถกเถียงมากที่สุดของสหรัฐฯ ในศตวรรษนี้

จุดเริ่มต้นของคดี: ศาลการค้าระหว่างประเทศชี้ภาษีทรัมป์เกินขอบเขตกฎหมาย

คดีความครั้งนี้เริ่มต้นจากการยื่นฟ้องโดยกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและอัยการสูงสุดจากหลายรัฐ ซึ่งออกมาท้าทายนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามกฎหมายภาวะฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act: IEEPA) ซึ่งถูกมองว่าอาจเกินขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต

  • คดีแรกยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 14 เมษายน โดย Liberty Justice Center องค์กรด้านกฎหมายแนวเสรีนิยม ในนามของธุรกิจขนาดเล็ก 5 ราย อาทิ ผู้นำเข้าไวน์จากรัฐนิวยอร์ก ผู้ผลิตเสื้อผ้าปั่นจักรยานจากรัฐเวอร์มอนต์ และบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากเวอร์จิเนีย กลุ่มผู้ฟ้องร้องเห็นว่า การที่ทรัมป์อ้างอิง IEEPA เพื่อจัดเก็บภาษีถือเป็นการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตตามรัฐธรรมนูญ
  • ส่วนคดีที่สองยื่นโดยอัยการสูงสุดจาก 12 รัฐ ซึ่งล้วนมีผู้ว่าการรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 เมษายน ระบุว่าการเก็บภาษีในลักษณะดังกล่าวเป็นภาระต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างมาก และยังเป็นการแทรกแซงอำนาจของรัฐสภาในการกำหนดนโยบายภาษี

ผลจากการฟ้องร้องทั้งสองคดี ทำให้ศาลการค้าระหว่างประเทศมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมว่า ภาษีที่รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากจีน เม็กซิโก แคนาดา หรือประเทศอื่น ๆ ล้วนเกินขอบเขตของกฎหมาย IEEPA

ในคำตัดสินดังกล่าว ศาลกำหนดให้รัฐบาลต้องยกเลิกการจัดเก็บภาษีเหล่านี้ภายในระยะเวลา 10 วัน พร้อมทั้งระบุว่า เหตุผลที่รัฐบาลเคยใช้ในการอ้าง “ภาวะฉุกเฉิน” เช่น การลักลอบนำเข้าเฟนทานิล หรือปัญหาขาดดุลการค้า ไม่อาจนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาตรการภาษีได้อย่างชอบด้วยกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์เปิดช่องให้ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าสู้คดี “ภาษีทรัมป์” ต่อ

แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังศาลการค้าระหว่างประเทศมีคำพิพากษาว่า ภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ (U.S. Court of Appeals for the Federal Circuit) ก็มีคำสั่ง “พักการบังคับใช้คำพิพากษา” ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว โดยเปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายโจทก์ยื่นคำแถลงเพิ่มเติมภายในต้นเดือนมิถุนายน

คำสั่งพักการบังคับนี้ถือเป็นจุดพลิกสำคัญของคดี เนื่องจากเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์ยังสามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าได้ต่อไปในระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการรักษาเครื่องมือนโยบายหลักที่ทรัมป์ใช้ผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ แม้ว่าจะก่อให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้นต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจในประเทศก็ตาม

ในคำสั่งของศาลอุทธรณ์ยังได้กำหนดให้กลุ่มโจทก์ ซึ่งรวมถึงอัยการสูงสุดจากหลายรัฐและภาคธุรกิจบางส่วน ต้องยื่นคำคัดค้านต่อคำขอเลื่อนการบังคับใช้ของรัฐบาลภายในหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องยื่นคำตอบกลับภายในวันที่ 9 มิถุนายน

เจฟฟรีย์ ชวาบ (Jeffrey Schwab) ทนายความตัวแทนกลุ่มธุรกิจผู้ฟ้องร้อง ระบุว่า “นี่เป็นขั้นตอนตามกระบวนการปกติในการพิจารณาคำร้องของรัฐบาล” พร้อมแสดงความมั่นใจว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ศาลจะปฏิเสธคำขอของรัฐบาล และรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายร้ายแรงที่ภาษีเหล่านี้ก่อให้กับธุรกิจของลูกความเรา”

อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการอุทธรณ์ยืดเยื้อ หรือหากศาลฎีกาตัดสินรับคำร้องในภายหลัง ก็อาจนำไปสู่การขยายระยะเวลาการระงับคำพิพากษาออกไปอีกหลายเดือน ส่งผลให้รัฐบาลทรัมป์สามารถคงมาตรการจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ต่อไป ซึ่งอาจมีนัยสำคัญต่อทั้งนโยบายเศรษฐกิจและทิศทางทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยรวม

จับตาทีมทรัมป์เดินเกมอย่างไรต่อ เพื่อผลักดันนโยบายภาษีตอบโต้?

หลังศาลอุทธรณ์กลางมีคำสั่ง “พักการบังคับใช้คำพิพากษา” ของศาลการค้าระหว่างประเทศเป็นการชั่วคราว ทีมกฎหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เดินหน้าต่อทันที โดยยืนยันว่าจะต่อสู้ในทุกช่องทางเพื่อรักษานโยบายภาษีตอบโต้ ซึ่งรัฐบาลทรัมป์มองว่าเป็นกลไกสำคัญของแผนฟื้นฟูการผลิตในประเทศของรัฐบาล แม้จะเผชิญแรงกดดันจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่อาจกลับมาบังคับใช้ได้อีกในอนาคต

ความเคลื่อนไหวของทีมทรัมป์มีนัยสำคัญต่อทิศทางของนโยบายการค้า เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงคำพิพากษาของศาลการค้าเพียงแห่งเดียว เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลแขวงสหรัฐฯ ภายใต้การพิจารณาของผู้พิพากษารูดอล์ฟ คอนทราเรส (Rudolph Contreras) ก็มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่บริษัทของเล่น Learning Resources และ hand2mind ฟ้องรัฐบาล โดยชี้ว่าภาษีที่เก็บจากบริษัทเหล่านี้ถือเป็นการใช้อำนาจเกินกรอบของกฎหมาย IEEPA เช่นกัน ทั้งนี้ ศาลให้เวลารัฐบาล 14 วันในการยื่นอุทธรณ์ก่อนที่คำสั่งจะมีผลบังคับใช้

ทำเนียบขาวส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของนโยบายภาษีดังกล่าว โดยโฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ (Karoline Leavitt) แถลงว่า “หากผู้พิพากษาใช้อำนาจเกินขอบเขตเข้ามาขัดขวางการเจรจาทางการค้าและการทูตของฝ่ายบริหาร สหรัฐฯ จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” พร้อมย้ำว่าศาลฎีกาควรเป็นผู้ยุติข้อพิพาทนี้เพื่อปกป้องหลักการของรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ในท้ายที่สุดหากคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่เป็นผลในทางกฎหมาย ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์ก็เตรียมพร้อมเดินหน้าด้วยมาตรการสำรอง โดยหันไปใช้กฎหมายอื่นที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารในการดำเนินนโยบายภาษีตอบโต้โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส ตัวเลือกสำคัญในแผนประกอบด้วย

  • มาตรา 232 แห่งกฎหมาย Trade Expansion Act: ให้อำนาจจัดเก็บภาษีโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยถูกใช้กับเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์
  • มาตรา 301 แห่งกฎหมายการค้าปี 1974: ให้อำนาจประธานาธิบดีตอบโต้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยสามารถเริ่มการสอบสวนได้โดยไม่ต้องมีคำร้องจากภาคเอกชน
  • มาตรา 122: อนุญาตให้จัดเก็บภาษีนำเข้าสูงสุด 15% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 150 วัน เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเร่งด่วน แม้มีข้อจำกัดด้านเวลา
  • มาตรา 338 แห่งกฎหมาย Tariff Act of 1930: ให้อำนาจจัดเก็บภาษีสูงสุดถึง 50% กับประเทศที่เลือกปฏิบัติ แม้แทบไม่เคยถูกนำมาใช้ในยุคปัจจุบัน

ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ที่ปรึกษาการค้าคนสำคัญของทรัมป์ ยืนยันว่า “ภาษีของเรายังมีชีวิตและแข็งแรง” และเสริมว่า “ทีมกฎหมายของเรากำลังดำเนินการในทุกช่องทางที่กฎหมายเปิดให้ดำเนินการได้”


แชร์
ทรัมป์จะเดินเกมต่ออย่างไร?หลังศาลอุทธรณ์เปิดทางภาษีทรัมป์ไปต่อชั่วคราว