ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่าจีนสมควรถูกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงตามนโยบายล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 145% พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าภาษีเหล่านี้จะไม่ส่งผลรุนแรงต่อผู้บริโภคชาวอเมริกัน เนื่องจากจีนอาจเลือกเป็นฝ่ายแบกรับต้นทุนเองเพื่อรักษาตลาดสหรัฐฯ
“คุณไม่มีทางรู้แน่หรอกว่าจีนจะรับภาระภาษีเหล่านี้เองหรือไม่ แต่ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะยอมจ่าย” ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ ABC News เมื่อวันอังคาร “จีนเคยทำเงินจากเราถึงปีละ 1 ล้านล้านดอลลาร์ พวกเขาเอาเปรียบเราอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เกือบทุกประเทศก็เอาเปรียบเราเหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว”
แม้จะยอมรับว่าอัตราภาษี 145% ที่ครอบคลุมสินค้าจีนจำนวนมากนั้น “แทบเทียบได้กับการห้ามนำเข้า” แต่ทรัมป์ระบุว่า “ก็ดีแล้วล่ะ พวกเขาสมควรโดนแบบนั้น” พร้อมย้ำว่าเขาไม่เชื่อว่าผู้บริโภคอเมริกันจะได้รับผลกระทบในระดับที่เลวร้าย
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ทรัมป์เดินทางไปยังรัฐมิชิแกน เพื่อปราศรัยในโอกาสครบรอบ 100 วันของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ท่ามกลางฝูงชนที่โห่ร้องสนับสนุน เขาประกาศว่านโยบายของเขาคือการฟื้นคืนประเทศจาก “ชนชั้นการเมืองที่เสื่อมทราม” และยืนยันว่าความสำเร็จของเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น “พวกคุณยังไม่เห็นอะไรเลย” เขากล่าว ภายในสถานที่มีป้ายข้อความไฟฟ้าอ่านว่า “100 DAYS OF GREATNESS”
ทรัมป์ยังกล่าวต่อฝูงชนว่า ประเทศต่างๆ รวมถึงจีน อินเดีย ฝรั่งเศส และสเปน “กำลังเข้าหาเขา” เพื่อเจรจาข้อตกลงทางการค้าใหม่
“ตอนนี้ทั่วโลกให้ความเคารพเรามากขึ้นแล้ว” ทรัมป์กล่าวต่อหน้าฝูงชนที่โห่ร้องแสดงความยินดี “ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาเพื่อพบประธานาธิบดีของพวกคุณ ทั้งจากอินเดีย ฝรั่งเศส สเปน ... และจากจีนก็มาเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์จะออกมายืนยันต่อสื่อและประชาชนหลายครั้งว่าเจ้าหน้าที่จีนได้ติดต่อมายังสหรัฐฯ เพื่อขอเปิดการเจรจาการค้าหลายรอบแล้ว ทางการจีนก็ได้ออกมาปฏิเสธข้ออ้างนั้นของทรัมป์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดโต๊ะเจรจาใดๆ กับรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ แม้ทรัมป์จะมั่นใจว่าภาษีจะไม่กระทบผู้บริโภคในวงกว้าง แต่ผลกระทบกลับเริ่มปรากฏชัดในตลาดจริง โดย Temu แอปอีคอมเมิร์ซจากจีนที่เป็นที่รู้จักในสหรัฐฯ ได้เริ่มส่งต่อต้นทุนภาษีใหม่ให้ลูกค้าโดยตรงแล้ว ส่วน Shein Group Ltd. ผู้ผลิตแฟชั่นฟาสต์แฟชั่นจากจีน ก็ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าในตลาดสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วน โดยราคาสินค้าเฉลี่ยในหมวดสุขภาพและความงาม 100 อันดับแรก พุ่งขึ้นถึง 51% ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว บางรายการพุ่งเกินสองเท่า
ในรายงานจาก Wall Street Journal เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าจากจีนลง “แบบค่อยเป็นค่อยไป” ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ มีแผนที่จะผ่อนปรนภาษีให้กับจีนหากจีนแสดงความเต็มใจที่จะเจรจา
ทรัมป์เองก็เปิดเผยว่า หากสามารถบรรลุข้อตกลงได้ เขา “ยินดีลดภาษีที่เรียกเก็บกับจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ” และเชื่อว่าจีนจะสามารถ “ไปได้ดี” ("going to do fine") หากยอมเข้าสู่กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ จะระบุว่าจีน “ไม่มีทางเลือก” นอกจากต้องเข้าร่วมโต๊ะเจรจา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าการเจรจาอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นขึ้น รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ เตือนเมื่อวันอังคารว่า จีนอาจสูญเสียตำแหน่งงานมากถึง 10 ล้านตำแหน่ง หากยังไม่ยอมเจรจาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางการค้า
“ผมจะไม่พูดถึงว่าใครกำลังคุยกับใคร” เบสเซนต์กล่าว “แต่ผมเชื่อว่าภาษีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จีนจะทนรับได้ในระยะยาว”
แม้จะเผชิญแรงต้านจากตลาดและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก ทรัมป์ยังคงมั่นใจว่ามาตรการภาษีจะนำพาการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคยานยนต์ ซึ่งเขากล่าวในการปราศรัยครบ 100 วันในการดำรงตำแหน่งว่าทุกโรงงาน “อยากกลับมามิชิแกน” อีกครั้ง
เขาระบุว่า ปัจจุบันรถยนต์นำเข้าในสหรัฐฯ ถูกเก็บภาษี 25% ภายใต้มาตรา 232 เพราะเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และย้ำว่า “เราต้องการผลิตรถของเราเองในอเมริกา” พร้อมวิจารณ์ว่าแม้แต่แคนาดาและเม็กซิโกก็ได้ประโยชน์จากระบบที่เอาเปรียบสหรัฐฯ และตั้งคำถามต่อข้อตกลง USMCA ซึ่งเป็นรากฐานของห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การปิดประเทศ แต่คือ “การปฏิวัติด้วยสามัญสำนึก” ที่รวมถึงพรมแดนเข้มแข็ง การศึกษาที่มีคุณภาพ ดอกเบี้ยต่ำ สิทธิในการหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ ภาษีต่ำ และกองทัพที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังปิดท้ายบทสัมภาษณ์กับ ABC ด้วยการเตือนว่า ชาวอเมริกันไม่ควรแปลกใจที่รัฐบาลของเขาเริ่มใช้มาตรการที่เกิดขึ้น เพราะเขาได้ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงหาเสียงแล้วว่าจะมี “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ที่ประเทศต้องเผชิญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและปรับสมดุลการค้าโลกที่ไม่เป็นธรรม
“เราถูกเอาเปรียบจากเกือบทุกประเทศในโลกมานานเกินไป ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยน” เขากล่าวอย่างชัดเจน