สินทรัพย์ดิจิทัล

ราคาบิตคอยน์ ทะลุ 50,000 ดอลลาร์ ครั้งแรกใน 2 ปี อานิสงส์คาดการณ์ดอกเบี้ยขาลง

13 ก.พ. 67
ราคาบิตคอยน์ ทะลุ 50,000 ดอลลาร์ ครั้งแรกใน 2 ปี  อานิสงส์คาดการณ์ดอกเบี้ยขาลง

ราคาบิตคอยน์ ทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ตั้งแต่ 2021 หลังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ และกลต. สหรัฐฯ อนุมัติให้มีการตั้งกองทุนบิตคอยน์ขึ้น ทำให้บิตคอยน์ได้รับความเชื่อถือ และเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนใหญ่มากยิ่งขึ้น

ในวันนี้ (13 ก.พ. 2024) ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคมปี 2021 ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ต่างปรับขึ้นกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นกระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอย่าง Coinbase ที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 4.9% และบริษัทที่ลงทุนในบิทคอยน์เป็นจำนวนมากอย่าง MicroStrategy ที่เพิ่มขึ้น 10.2%

ในปี 2024 ราคาของบิตคอยน์ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นแล้ว 16.3% ในปีนี้ เพราะได้รับแรงบวกจากการคาดการณ์ดอกเบี้ยขาลง ที่นักวิเคราะห์มองว่าในครึ่งหลังของปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ทำให้เงินทุนเริ่มไหลเข้าไปในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น รวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ

ในปีนี้ ระดับ 50,000 ดอลลาร์ถือเป็นระดับที่สำคัญสำหรับบิทคอยน์ หลังจากราคาตกต่ำลงต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากทั้งภาวะเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง และวิกฤตความเชื่อมั่นทั้งจากกรณี FTX, Terraform Labs, Binance รวมไปถึง Zipmex 

ดังนั้น การที่ราคาบิตคอยน์ปรับขึ้นจึงสะท้อนความนิยมและความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เริ่มกลับมา โดยเฉพาะจากการที่กลต. ของสหรัฐฯ ออกมาอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF บิตคอยน์ที่ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในบิตคอยน์ในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานกำกับดูแลได้ ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น

ETF เปิดตัวแป้ก แต่เงินไหลเข้ามากขึ้น คาดดึงนักลงทุนได้อีก

หน่วยงานกลต. ของสหรัฐฯ เริ่มอนุมัติกองทุน ETF บิตคอยน์เป็นครั้งแรกในวันที่ 10 มกราคม ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของบิตคอยน์ เพราะเป็นการทำให้การลงทุนในบิตคอยน์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเต็มตัว แม้การเปิดตัว ETF จะไม่ได้ทำให้ราคาของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากนักในตอนแรก แต่ทำให้เกิดการขายออกถึง 20% แทน

โดยในปัจจุบัน มีบริษัทมากมายในสหรัฐฯ ที่มีผลิตภัณฑ์กองทุนเปิดขายให้กับประชาชน รวมไปถึง Blackrock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Grayscale Investments 

ทั้งนี้ แม้จะได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ค่อยดีนักในช่วงแรก นักวิเคราะห์พบว่าในปัจจุบันเริ่มมีคนลงทุนในกองทุนบิตคอยน์มากขึ้นแล้ว โดยตั้งแต่มีการอนุมัติกองทุนบิตคอยน์มา กองทุนเหล่านี้สามารถดึงสินทรัพย์เข้ามาได้เป็นบวกสุทธิ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าคนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น และหันมาลงทุนในบิตคอยน์กันมากขึ้นแล้ว

เทรนด์นี้ทำให้นักวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นบวกกับบิตคอยน์ที่น่าจะทำผลงานได้ดีไปเรื่อยๆ ในปีนี้เพราะมีการปรับลดดอกเบี้ย รวมไปถึงมีการ halving หรือ เหตุการณ์ที่จะทำให้ปริมาณบิตคอยน์ที่ขุดได้ในระบบลดลงครึ่งหนึ่ง ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งมักจะทำให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้นเพราะนั่นหมายความว่าผู้ขุดบิตคอยน์กำลังจะขุดบิตคอยน์ออกมาได้ในปริมาณที่ลดลง ทำให้บิตคอยน์ใหม่มีจำนวนลดลง

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่าในอนาคตบิตคอยน์จะได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันมากยิ่งขึ้น เพราะการเข้ามาของ ETF เป็นสัญญาณแล้วว่าหน่วยงานทางการเริ่มให้การยอมรับบิตคอยน์ในฐานะผลิตภัณฑ์ลงทุน 

ความเชื่อมั่นและการความคุ้นเคยที่มากขึ้นนี้ทำให้แม้นักลงทุนรายใหญ่จะไม่ลงทุนในบิตคอยน์ในปริมาณมากๆ เหมือนกับที่ลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตร แต่บิตคอยน์ก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนรายใหญ่เลือกมาลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงกันมากขึ้น ซึ่งจะดันให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้นอีกได้

 

ที่มา: Reuters, Investors

 

advertisement

SPOTLIGHT