Bitkub เตรียมเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง ปี 2567 เมื่อตลาดกลับสู่ภาวะปกติ ไม่หวั่นกฎระเบียบเข้มงวด เผยปัจจุบันครองมาร์เก็ตแชร์ 90% วอลุ่มซื้อขายวันละ 2.3 หมื่นล้านบาท
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Bitkub Capital Group เปิดเผยกับเว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) ว่า มีเป้าหมายที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยคาดว่าอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในปี 2567 เมื่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ย้ำว่าขณะนี้ยังอยู่เพียงแค่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
ซีอีโอ Bitkub ได้ให้สัมภาษณ์ในระหว่างที่บริษัทได้ออกบูธแสดงผลงานและนวัตกรรมในงานประชุม APEC 2022 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า ภูมิศาสตร์ที่ตั้งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้บริษัทพิจารณาเลือกตลาดหุ้นฮ่องกง มากกว่าตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยจุดแข็งของ Bitkub อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น จึงดีกว่าหากเชื่อมต่อกับตลาดหุ้นใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะตลาดหุ้นฮ่องกงมีกฎระเบียบที่แข็งแรงชัดเจนและมีสภาพคล่องสูง ในฐานะที่เป็นฮับการเงินของเอเชียด้วย โดยปัจจุบัน มีบริษัทไทยเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงถึงเกือบ 40 แห่งแล้ว
สำหรับกรณีที่ความเชื่อมั่นต่อตลาดคริปโททั่วโลกถูกกระทบอย่างหนักจากเคส FTX ยื่นล้มละลายนั้น ผู้บริหาร Bitkub ยังคงย้ำความเชื่อมั่นต่ออนาคตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่า การที่มีบริษัทรวมศูนย์ (Centralised) ไม่กี่แห่งจัดการเงินของลูกค้าผิดพลาดหรือมีธรรมาภิบาลที่แย่มากนั้น ไม่ได้หมายความว่าคริปโทเคอร์เรนซีเป็นสิ่งที่ไม่ดี
นายจิรายุส ยังได้แสดงความเห็นว่า ฮ่องกงเองก็ควรจะเร่งการปฏิรูประเบียบกฎเกณฑ์ให้เสรีและเปิดกว้างมากขึ้น และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้มากขึ้น หากต้องการดึงดูดให้บรรดาบริษัทคริปโท เช่น บิทคับ ขยายการลงทุนเข้าไปในฮ่องกง และเพื่อรักษาโมเมนตัมในฐานะผู้นำทางการเงินในภูมิภาค แต่เขาก็ไม่ได้ยกตัวอย่างชัดเจนว่าควรจะปฏิรูปหรือดึงดูดอย่างไร
ทั้งนี้ SCMP ระบุโดยอ้างการเปิดเผยของ Bitkub ว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยสูงถึง 90% และมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงสุดถึง 2.3 หมื่นล้านบาท
Bitkub เคยเกือบจะได้ขึ้นเป็น "ยูนิคอร์น" หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เป็นตัวแรกของประเทศไทย แต่สุดท้ายดีลที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเข้าซื้อหุ้น 51% ในบริษัทลูกของ Bitkub ก็ล้มลงเสียก่อนในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางประเด็นความขัดข้องที่เกี่ยวเนื่องกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นายจิรายุส ย้ำว่า การเข้าตลาดหุ้นยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดของ Bitkub ในขณะนี้ เพราะปีหน้า 2566 จะยังคงเป็น "ฤดูหนาว" สำหรับทุกอุตสาหกรรม ต่อเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่กระทบไปทั่วโลกในปีนี้ ทำให้ Bitkub จะมุ่งเน้นไปที่การจัดการทางบัญชีและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นแทน
มั่นใจบริษัทโปร่งใส่ตรวจสอบได้
รายงานระบุว่า แม้จะเป็นรายใหญ่ในไทยแต่ก็ใช่ว่าธุรกิจจะราบรื่นไปทั้งหมด โดยยกตัวอย่างกรณีที่ ก.ล.ต. ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
และก่อนหน้านั้นในเดือน ส.ค. ก.ล.ต. ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 1 ราย (CTO ของบิทคับ) กรณีซื้อเหรียญ KUB โดยอาศัยข้อมูลภายใน โดยปรับเป็นเงิน 8,530,383 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งทาง SCMP ได้ตั้งคำถามว่า กรณีเหล่านี้จะกระทบต่อแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง หรือไม่
“แน่นอนว่าเมื่อเราจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ เราก็จะต้องดำเนินการสอบทานธุรกิจ (due diligence) อย่างครบถ้วน เรามีความโปร่งใสอย่างเต็มที่ ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร” นายจิรายุส กล่าว