ธุรกิจการตลาด

Facebook ขาย ‘เครื่องหมายติ๊กถูก’ การันตีบัญชีแท้ - ราคา 415 บาท/เดือน

20 ก.พ. 66
Facebook ขาย ‘เครื่องหมายติ๊กถูก’ การันตีบัญชีแท้ - ราคา 415 บาท/เดือน

บริการใหม่ๆ ที่เกิดจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter ฯลฯ ล้วนเกิดจากจุดแข็งของแพลตฟอร์ม ที่สามารถรวม ‘สายตา’ ของผู้ใช้หลักร้อยล้านคนมาไว้ในที่เดียวกันได้ เช่น บริการยิงแอด (ขายโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย), มาร์เก็ตเพลส, การสร้างรายได้จากวิดีโอ (Monetization)

 

Facebook Meta

 

ล่าสุด Facebook และ Instagram เตรียมเปิดตัวบริการ ‘Meta Verified’ หรือก็คือ บริการรับรองว่าบัญชีผู้ใช้นั้นๆ เป็นของแท้ โดย ‘มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก’ ซีอีโอของบริษัทระบุว่า จะช่วยเพิ่ม ‘ความน่าเชื่อ และ ความปลอดภัย’ ให้กับหลากหลายบริการภายใต้ Meta โดยจะเริ่มให้บริการในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เป็นที่แรก ปลายสัปดาห์นี้ ก่อนจะเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ต่อไป

Meta Verified สนนราคาอยู่ที่เดือนละ 11.99 ดอลลาร์ (ราว 415 บาท) ในกรณีสมัครผ่านเว็บไซต์ และ 14.99 ดอลลาร์ (ราว 549 บาท) เมื่อสมัครผ่าน iOS ของแอปเปิ้ล

อันที่จริง Facebook และ Instagram ได้มอบเครื่องหมายรับรอง (ติ๊กถูกสีฟ้า) ให้กับบัญชีของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น นักการเมือง ศิลปิน ผู้บริหาร สื่อและองค์กรต่างๆ มานานแล้ว เพื่อบ่งบอกว่า นี่คือ บัญชีของบุคคลจริง

หากเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบันในบ้านเราแล้ว จะพบว่า มีผู้เสียหายหลายราย ถูกหลอกลวงจากบัญชี Facebook ปลอมซึ่งมีรูปโปร์ไฟล์ ประวัติ และโพสต์บนหน้าวอลล์ เหมือนกับบัญชีจริงทุกประการ ต่างกันแค่ยอดผู้ติดตาม และยอดไลก์ในแต่ละโพสต์ ที่บัญชีปลอมจะมีตัวเลขต่ำกว่าจนน่าผิดสังเกต

 




‘มาร์ค’ ลอกการบ้าน ‘มัสก์’ แต่อ้างว่ากำจัดปัญหาบัญชีปลอมได้ดีกว่า

 

พฤศจิกายน ปี 2022 ที่ผ่านมา Twitter ภายใต้การนำของมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ได้ปล่อยฟีเจอร์ลักษณะคล้ายกันนี้ ให้กับสมาชิกรายเดือน ‘Twitter Blue’ ที่เสียค่าบริการเดือนละ 8 ดอลลาร์เพื่อรับฟีเจอร์พิเศษก่อนใคร โดยเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้านี้ อีลอน มัสก์ตั้งใจจะให้เป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้จำแนกบัญชีของเหล่าเซเลบตัวจริง ออกจากผู้ที่สวมรอย แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่เจ้าตัวหวัง

เนื่องจากใครๆ ก็สามารถซื้อเครื่องหมายนี้ได้ จึงกลับกลายเป็นว่าบัญชีปลอมระบาดหนักกว่าเก่า โดยมีผู้แอบอ้างเป็นนักกีฬา นักการเมือง และผู้ที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงตัว อีลอน มัสก์เองด้วย! จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ฟีเจอร์นี้ต้องถูกระงับบริการลงหลังผ่านไปไม่ถึงเดือน

 

Elon Musk



จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ Facebook และ Instagram ภายใต้ Meta ซึ่งคลอดฟีเจอร์นี้มาทีหลัง ระมัดระวังมากขึ้น โฆษกของ Meta ยืนยันว่า จะมีมาตรการป้องกันการสวมรอยเป็นบัญชีคนดัง โดยผู้ใช้ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีความเคลื่อนไหวของบัญชีไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนด และต้องยื่นหลักฐานแสดงตัวตน เช่น บัตรประชาชน ซึ่งตรงกับชื่อ และรูปของผู้ใช้ พร้อมด้วยระบบเฝ้าระวังเชิงรุกจากทีม Meta โดยบัญชีที่เคยได้รับเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า ก่อนการเปิดตัวบริการนี้ จะไม่ต้องยืนยันตัวตนใหม่แต่อย่างใด

ในระยะแรกนี้ ฟีเจอร์นี้จะมีให้สำหรับบัญชีแบบบุคคลเท่านั้น บัญชีธุรกิจ เช่น แบรนด์ หรือองค์กรต่างๆ จะยังไม่สามารถใช้บริการได้ และในระหว่างการรอการรับรอง จะไม่สามารถเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อ รูปโปรไฟล์ วันเดือนปีเกิด ได้ มิเช่นกัน จะต้องเริ่มขึ้นตอนการยืนยันตัวตนใหม่

 

AI Chatbot



Meta ทรงดีตั้งแต่ต้นปี ปรับโฟกัส มุ่งสู้ศึก AI มากขึ้น

 

2022 ที่ผ่านมา เป็นปีที่หนักหนาสำหรับ Meta เป็นอย่างมาก หลัง Meta มีผลประกอบการลดลง ยอดผู้ใช้ใหม่หดตัวครั้งแรก ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ราคาหุ้นร่วง ส่งผลกระทบต่อบริษัท ให้จำต้องปลดพนักงานกว่า 11,000 คน

ด้านมาร์ค เอง ก็หลุดตำแหน่ง 20 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกไป จากมูลค่าทรัพย์สินที่ลดเหลือ 3.52 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.21 แสนล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน 2022 จากที่เคยทำจุดสูงสุดที่ 1.41 แสนล้านดอลลาร์ (4.84 ล้านล้านบาท) เมื่อปี 2021

แต่มรสุมเหล่านี้ก็มีทีท่าว่าจะผ่านไปแล้ว หลัง Forbes รายงานว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินของมาร์ค เพิ่มขึ้นกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (คิดเป็นกว่า 4 แสนล้านบาท) หลังหุ้นของ Meta ดีดตัวกว่า 23% ในคืนก่อนหน้า หลังจากรับรู้ผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดของบริษัท

 

Mark Zuckerberg

 

ด้าน มาร์ค เอง ได้เผยวิสัยทัศน์ในปี 2023 ว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งประสิทธิภาพของ Meta พร้อมเจาะตลาด และมุ่งแข่งขันในตลาด AI มากขึ้น หลังจากที่ปีก่อนฝันมุ่งสู่โลก Metaverse ทำบริษัทขาดทุนมหาศาล แต่การแข่งขันในสมรภูมิใหม่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนนี้ มีบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Google ได้ล่วงหน้ากันไปก่อนแล้ว

 

ที่มา : CNBC, Bloomberg, The Washington Post

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT