ธุรกิจการตลาด

GWM ปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรป เลย์ออฟพนักงานทั้งหมด เหตุตีตลาดไม่สำเร็จ ยอดไม่ถึงเป้า

1 มิ.ย. 67
GWM ปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรป เลย์ออฟพนักงานทั้งหมด เหตุตีตลาดไม่สำเร็จ ยอดไม่ถึงเป้า

Great Wall Motor บริษัทผลิตรถรายใหญ่จากจีน ประกาศปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปวันที่ 1 สิงหาคมนี้ พร้อมเลย์ออฟพนักงานทั้งหมด 100 คน หลังยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า พับแผนเปิดโรงงานผลิตอีวีและแบตเตอรี่ภายในภูมิภาค 

การแข่งขันอีวีดุเดือดต่อเนื่อง ล่าสุด เกรทวอลล์มอเตอร์หรือ GWM ประกาศปิดสำนักงานใหญ่ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้ พร้อมเลย์ออฟพนักงานทั้งหมดรวม 100 ชีวิต รวมถึงทีมบริหารจัดการ ทำให้แผนของ GWM ที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย รวมไปถึงแผนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ในยุโรป เป็นอันต้องล้มเลิกไปด้วย

การตัดสินใจปิดสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้ เกิดจากยอดขายที่น่าผิดหวังของ GWM ในยุโรปที่ไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้า โดยนักวิเคราะหฺ์มองว่ามาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกอย่างการที่เยอรมนีหยุดให้เงินสนับสนุนผู้ซื้ออีวีในปลายปี 2023 เพื่อลดการใช้งบประมาณ และปัจจัยภายในจากการที่รถของ GWM ไม่มีจุดเด่น ทั้งด้านคุณภาพและราคา 

จากข้อมูลของ Federal Motor Transport Authority (KBA) ของเยอรมนี ในเดือนเมษายน GWM ขายรถได้เพียง 247 คันเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากเอเชียอย่าง Hyundai ที่ทำไปได้ 9,106 คัน และ Toyota ที่ทำไปได้ 7,504 คัน

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รถรุ่น Ora 03 ของ GWM ยังได้รับการประเมินด้านการปลอดภัยที่ไม่ดีนักจากสื่อด้านรถยนต์ของเยอรมนี เพราะผู้ทดสอบขับพบว่าถ้าหากเปิดระบบเตือนออกนอกเลนไว้ ระบบมีสิทธิที่จะพารถพุ่งเข้าคูคลองได้

ทั้งนี้ การที่ GWM ตัดสินใจปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปก็ไม่ได้หมายความว่า GWM จะยอมแพ้และหยุดการทำธุรกิจในยุโรปไปอย่างสิ้นเชิง เพราะหลังจากนี้ GMW ยังจะดำเนินการจำหน่ายรถในยุโรปต่อไปในตลาดสำคัญ เช่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และจีน แต่จะให้สำนักงานในจีนเป็นผู้ดูแลการดำเนินการในประเทศเหล่านี้แทนเพื่อลดต้นทุน

ปัจจุบัน GWM เป็นผู้ดำเนินการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริด 2 แบรนด์ในเยอรมนีและยุโรป คือ Ora และ Wey และรุ่นที่เป็นที่รู้จักที่สุดในเยอรมนีก็คือรถรุ่น Ora 03 รถอีวีคอมแพคที่เปิดตัวในยุโรปด้วยราคาประมาณ 40,000 ยูโร หรือราว 1.6 ล้านบาทต่อคัน ก่อนที่จะมีการปรับราคาลงมาอยู่ที่ 27,000 ยูโร หรือราว 1 ล้านบาทต่อคัน ในช่วงต้นปีเพื่อกระตุ้นการขาย

อีวีจีนตียุโรปไม่แตก อียูจ่อตั้งกำแพงภาษีตามสหรัฐฯ

ที่ผ่านมา บริษัทอีวีจีนหลายเจ้า รวมไปถึง GWM มีเป้าหมายที่จะตีตลาดอีวีในยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และผู้บริโภคนิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาก ผ่านกลยุทธ์ด้านราคา เพราะเมื่อเทียบกับอีวีที่ผลิตในยุโรปแล้ว อีวีจีนมีราคาต่ำกว่ามากจากการสนับสนุนของรัฐบาล โดย GWM ก็เคยตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายในภูมิภาคให้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2025 ก่อนที่จะเลื่อนเป้าไปเป็นปี 2030 

อย่างไรก็ตาม การไปตีตลาดยุโรปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะผู้ผลิตอีวีจีนได้รับแรงต้านจากทั้งสหภาพยุโรปที่กำลังมีการพูดคุยจะออกกำแพงภาษีนำเข้าอีวีจีน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะถูกประกาศออกมาในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ และผู้บริโภคที่อาจจะยังนิยมใช้รถที่ผลิตโดยบริษัทยุโรปมากกว่าด้วยเหตุผลความกังวลด้านความปลอดภัย

นอกจาก GWM แล้ว อีกบริษัทอีวีจีนที่ทำผลงานได้ไม่ดีนักก็คือ BYD ที่แม้จะทำยอดขายได้ถล่มทลายในเอเชียจนสามารถตีตื้น Tesla ได้ แต่ในยุโรปกลับจำหน่ายรถได้เพียง 183 คัน เท่านั้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งน้อยกว่ายอดขายในเดือนเดียวกันของ GWM เสียอีก

นอกจากนี้ การที่บริษัทอีวีจีนทำยอดขายรถในยุโรปได้ไม่ดีไม่ได้ส่งผลแค่กับบริษัทผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจีนเป็นผู้ครองตลาดสำคัญด้วย 

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘SVOLT’ บริษัทผลิตแบตเตอรี่ของ GWM เองก็เพิ่งประกาศล้มเลิกการสร้างโรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าไปหลังลูกค้าแห่แคนเซิลยอดจอง ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Contemporary Amperex Technology (CATL) ก็ล้มเลิกแผนที่จะขยายโรงงานในเยอรมนี และหันไปเปิดโรงงานใหม่ในฮังการีแทน เพราะต้นทุนการดำเนินงานและแรงงานต่ำกว่า อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

GWM ประเทศไทย ยังดำเนินการปกติ

สำหรับ GWM ประเทศไทย ยังมีการดำเนินการธุรกิจตามปกติ โดยเพจเฟสบุ๊ค GWM Thailand กล่าวไว้ว่า "จากสภาวการณ์ทั่วโลกและสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทำให้เกิดข่าวลือด้านลบกับการดำเนินงานของบริษัทค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เราขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเรายังคงดำเนินไปด้วยความมั่นคงและแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าชาวไทย ทั้งลูกค้าในปัจจุบันและลูกค้าในอนาคตของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถ

เราเป็นแบรนด์จากประเทศจีนเพียงรายเดียวในปัจจุบันที่มีโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบที่จังหวัดระยองและดำเนินการผลิตมาเป็นเวลามากกว่า 3 ปี รวมถึงนำพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น SVOLT, HYCET, NOBO, MIND และ Exquisite สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนไทยหลายพันคน รวมถึงมีรถยนต์พลังงานใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้าง และครอบคลุมในหลากหลายเซ็กเมนต์ ที่เป็นโอกาสทางการขายใหักับพาร์ทเนอร์ สโตร์ของเรา ทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% รวมถึงยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการใช้และการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับภูมิภาคอีกด้วย"

ที่มา: Nikkei Asia, Facebook

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT