ธุรกิจการตลาด

รู้จัก ‘KCG Corporation’ เจ้าของคุกกี้กล่องแดง ที่กำลังจะ IPO ในปีหน้า

24 ธ.ค. 65
รู้จัก ‘KCG Corporation’ เจ้าของคุกกี้กล่องแดง ที่กำลังจะ IPO ในปีหน้า

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น หรือ KCG เจ้าของแบรนด์คุกกี้กล่องแดง Imperial ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยจะเสนอขายหุ้นไม่เกิน 170 ล้านหุ้น พร้อมนำเงินเพิ่มศักยภาพการกระจายสินค้า และชำระหนี้สถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ KCG จะถือได้ว่าเป็นบริษัทผลิตและนำเข้าอาหารรายใหญ่ของประเทศ หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้จักชื่อ KCG และไม่รู้ว่าหลายๆ แบรนด์อาหารที่ตัวเองเคยซื้อรับประทานนั้นเป็นสินค้าที่ผลิตหรือนำเข้าโดย KCG

ในวันนี้ ทีมข่าว Spotlight จึงอยากพาทุกคนมาเปิดอาณาจักร KCG กัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และปัจจุบันดำเนินธุรกิจอะไรที่น่าจะเข้าตานักลงทุนบ้าง

 

จากบริษัทนำเข้าอาหารเล็กๆ สู่ผู้ผลิตและนำเข้าอาหารรายใหญ่ที่มีศูนย์ส่งสินค้าทั่วประเทศ

KCG มีจุดเริ่มต้นมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด 'กิมจั๊วพาณิชย์' ที่ก่อตั้งขึ้นโดยครอบครัว ‘ธีระนุสรณ์กิจ’ เมื่อปี 1958 หรือราว 64 ปีก่อน โดยเริ่มจากการเป็นธุรกิจนำเข้าอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และเป็นผู้บุกเบิกนำเข้าเนยอลาวรี่ (Allowrie) จากออสเตรเลียสำหรับผู้บริโภค และธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร และโรงแรม

ต่อมาบริษัทฯ​ เล็งเห็นโอกาสการเป็นผู้ผลิตจากความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงได้ตั้งโรงงานผลิตอาหารขึ้นมาครั้งแรกที่ถนนสายบางนา-ตราด ในปี 1972 ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท ยูไนเต็ด แดรี่ ฟู้ดส์ จำกัด’ ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัท PDS หรือในปัจจุบันคือบริษัท บอนแล็ค ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตเนยยี่ห้ออลาวรี่ 

screenshot2565-12-24at14.

ในช่วงเริ่มแรก ผลิตภัณฑ์ที่ ยูไนเต็ด แดรี่ฟู้ดส์ ผลิตคือ ผลิตภัณฑ์จากนม ขนม และอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เช่น คุกกี้ แยมผลไม้ คุกกี้สำเร็จรูป ซึ่งก็ทำผลกำไรได้ดีจนบริษัทต้องขยับขยาย สร้างโรงงานผลิตอาหารอีกแห่งในปี 1985 ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท อิมพีเรียล เยนเนอรัล ฟู้ดส์ จำกัด’ ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะขยายสายการผลิตครอบคลุมอาหารอีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ ชีส เนย และมาการีน รวมไปถึงจัดจำหน่ายเครื่องมือเครื่องใช้ในธุรกิจเบเกอรี่

ในปัจจุบัน ธุรกิจทั้งหมดของ ‘ยูไนเต็ด’ และ ‘อิมพีเรียล’ ถูกควบรวมภายใต้ชื่อ KCG และยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัวธีระนุสรณ์กิจ โดยมี 'ตง ธีระนุสรณ์กิจ' ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ

ตอนนี้ KCG มีสำนักงานทำการอยู่ 9 สาขาทั่วประเทศ พร้อมศูนย์กระจายสินค้าในทุกภูมิภาคของไทย และมีธุรกิจหลักคือการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเนย-ชีส ภายใต้แบรนด์ อิมพีเรียล (Imperial) และอลาวรี่ (Allowrie) ผลิตและจัดจำหน่ายบิสกิต และเป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบเบเกอรี่และอาหารตะวันตก

ปัจจุบัน KCG มีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอยู่ใน 23 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทผลิตวัตถุดิบและอาหารที่ KCG เป็นตัวแทนนำเข้าสู่ประเทศไทย

 

เปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ KCG มีอะไรบ้างนอกจากคุกกี้กล่องแดง?

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท นอกจากคุกกี้กล่องแดงและวัตถุดิบเบเกอรี่ของ Imperial ที่เรารู้จักกันดีแล้ว KCG ยังเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับอาหารมากมาย โดยในปัจจุบัน KCG มีผลิตภัณฑ์หลัก 3 ประเภท ได้แก่

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เนย เนยแข็ง และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม เช่น นมพร้อมดื่ม วิปครีม ครีมชีส และนมเปรี้ยว ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Imperial Allowrie และ Dairygold รวมไปถึงชีสและเนยคุณภาพดีจากต่างประเทศ เช่น Arla, Filata, Frico, Galbani และ President นอกจากนี้ KCG ยังเป็นผู้นำเข้าของหวานจากนม เช่น ไอศกรีม และโยเกิร์ต เช่น ไอศกรีมแบรนด์ Movenpick และโยเกิร์ตแบรนด์ Pascal และ Bauer

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี่  และผลิตภัณฑ์อื่นๆ แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 

  • ผลิตภัณฑ์อาหาร ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป เส้นพาสต้า ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารทะเล เป็นต้น แบรนด์ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Costa D’Oro, Panzani และ Reggia
  • ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี่ ภายใต้แบรนด์หลัก Imperial อาทิ แป้งเค้ก และแป้งมิกซ์ 
  • ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้เข้มข้น ภายใต้แบรนด์ SUNQUICK ที่มีหลากหลายรสชาติ อาทิ ส้ม ส้มแมนดาริน และผลไม้รวม
  • อุปกรณ์ทำเบเกอรี่และประกอบอาหาร โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าวจากต่างประเทศ 

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์คุกกี้ ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ และผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Imperial, Rosy และ Violet

aw_kcg-product-highlight_note_1

ดยจากลิสต์นี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพราะมีความหลากหลาย นอกจากนี้ประสบการณ์ถึง 60 ปียังทำให้บริษัทฯ มีความรู้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม มีระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (cold chain) ที่มีประสิทธิภาพ สามารถกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ ทั้งช่องทางการขายให้กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคปลายทาง (Business to Customer) ผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านค้าทั่วไป แพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางการขายให้กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ (Business to Business) ให้กับผู้ผลิตอาหาร

ปัจจุบัน บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 560 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 560 ล้านหุ้น โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 390 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ 

โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้มาเพิ่มศักยภาพศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าตลอดจนการขยายกำลังการผลิต และส่วนที่เหลือจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

 

ที่มา: KCG




advertisement

SPOTLIGHT