Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
บอร์ดดุสิตห่วงปลด"ชนินทธ์”กระทบธุรกิจ-ภาพลักษณ์ ชี้คนนอกขาดประสบการณ์
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

บอร์ดดุสิตห่วงปลด"ชนินทธ์”กระทบธุรกิจ-ภาพลักษณ์ ชี้คนนอกขาดประสบการณ์

19 ก.ย. 68
13:28 น.
แชร์

กระแสความขัดแย้งภายในบอร์ดบริหารของ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กำลังทวีความเข้มข้น หลังจากบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นไม่น้อยกว่า 10% ใช้อำนาจตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด เรียกร้องให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายนนี้ เพื่อพิจารณาถอดถอน นายชนินทธ์ โทณวณิก กรรมการและทายาทรุ่นสองของผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานีออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เหตุผลที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เสนอคือเพื่อ “เสริมความคล่องตัวในการบริหาร” และ “สร้างภาพลักษณ์ใหม่” ให้กับองค์กร แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้กลับถูกตั้งคำถามจากบอร์ดบริษัทว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะสั่นคลอนทั้งโครงสร้างบริหาร ความต่อเนื่องของโครงการขนาดใหญ่ และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย

ฝ่ายกรรมการซึ่งไม่รวมผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ออกมาแสดงท่าทีชัดเจนว่า นายชนินทธ์ไม่เพียงแต่เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจโรงแรมและอาหาร หากยังเป็น “สัญลักษณ์ของแบรนด์ดุสิตธานี” ในฐานะทายาทของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรม เขาเป็นผู้ผลักดันโครงการมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทอย่าง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ที่ถูกวางตัวเป็นแหล่งรายได้สำคัญในอนาคตและเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯ บอร์ดเตือนว่าการปลดเขาออกจะส่งผลกระทบต่อทั้งทิศทางธุรกิจ ภาพลักษณ์องค์กร และความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อรายชื่อกรรมการใหม่ที่ถูกเสนอเข้ามามีทั้งบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ตรง และบางรายยังดำรงตำแหน่งในธุรกิจที่อาจเข้าข่ายแข่งขันกับกลุ่มดุสิตโดยตรง

จับตาประชุมดุสิต 26 ก.ย. ยื่นถอด “ชนินทธ์”

คณะกรรมการบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) มีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 15.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพียงช่องทางเดียว ตามพระราชกำหนดการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามคำร้องของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 10% ของทุนชำระแล้วทั้งหมด โดยอาศัยสิทธิตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อสร้างความคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นโดยรวม

วาระสำคัญที่จะถูกนำเสนอในการประชุมครั้งนี้ รวมถึง การรับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 32/2568 เมื่อวันที่ 25 เมษายน และ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งบริษัทได้จัดทำรายงานและเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568, การอนุมัติงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่เคยถูกที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติ แม้จะได้รับการตรวจสอบและลงนามรับรองโดยผู้สอบบัญชี บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด ด้วยความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข

ทั้งนี้ ไฮไลต์ที่เป็นที่จับตาคือวาระที่ 3 เพื่อการพิจารณาถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากตำแหน่งกรรมการก่อนครบวาระ และวาระที่ 4 เพื่อเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง 4 ราย การเพิ่มจำนวนกรรมการอีก 6 ราย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการผู้มีสิทธิลงนามแทนบริษัท ซึ่งล้วนเป็นวาระที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย

คณะกรรมการย้ำความสำคัญของชนินทธ์ หวั่นกระทบธุรกิจ-ภาพลักษณ์

ในเอกสารหนังสือนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 คณะกรรมการบริษัท (ยกเว้นกรรมการที่มีส่วนได้เสีย ได้แก่ นายชนินทธ์ โทณวณิก และนางสินี เธียรประสิทธิ์) มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณาในวาระถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก เนื่องจากการถอดถอนนายชนินทธ์ก่อนครบวาระอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลสำคัญคือคุณสมบัติและบทบาทของเขาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของกลุ่มดุสิต

นายชนินทธ์เป็นทายาทคนโตของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี จึงมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อประวัติศาสตร์ วิสัยทัศน์ และอัตลักษณ์ความเป็นไทยของแบรนด์ เขามีประสบการณ์ในธุรกิจโรงแรมและอาหารยาวนานหลายสิบปี ผ่านการทำงานในหลายตำแหน่งบริหาร และได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาและขยายธุรกิจโรงแรมไทยสู่มาตรฐานสากล

คุณสมบัติที่โดดเด่นของชนินทธ์ยังรวมถึงการเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดุสิตธานีเดิมใจกลางกรุงเทพฯ โครงการนี้ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทในการสร้างรายได้ระยะยาว โดยออกแบบให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ผสมผสานความทันสมัยกับเอกลักษณ์ไทยอันเป็นหัวใจของดุสิต อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งในการรักษาและส่งต่อมรดกไทยสู่คนรุ่นใหม่

นอกจากนี้ ชนินทธ์ยังมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรม hospitality ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีประสบการณ์เจรจาและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก และได้รับการยกย่องในวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจและสร้างความร่วมมือกับกลุ่มทุนต่าง ๆ คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เขาเป็น “สัญลักษณ์” ของดุสิตธานี และการปลดออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระจึงอาจกระทบต่อทั้งทิศทางธุรกิจ ความเชื่อมั่น และการพัฒนาโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

ความกังวลต่อคนนอกและความเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน

ในประเด็นการแต่งตั้งกรรมการใหม่ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ได้เสนอรายชื่อบุคคลภายนอกหลายราย เพื่อเข้ามาแทนกรรมการที่พ้นวาระและเพื่อเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 12 คนเป็น 18 คน รายชื่อเหล่านี้รวมถึงบุคคลจากภาครัฐและเอกชน เช่น นายกุลิศ สมบัติศิริ, นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ และนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ตลอดจนบุคคลจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ นายปัณฑิต มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และนายภูม โอสถานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ รวมทั้งดร.กฤษดา กวีญาณ ซึ่งดำรงตำแหน่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อาจมีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับกลุ่มดุสิต

คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาลได้ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ถูกเสนอชื่อ พบว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายและไม่เข้าลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญ ทั้งการที่บริษัทไม่ได้รับข้อมูลเอกสารฉบับจริงจากบางรายตามที่ร้องขอ และการที่ผู้ถูกเสนอชื่อหลายคนไม่มีประสบการณ์ตรงในธุรกิจโรงแรมและอาหาร นอกจากนี้ยังมีบางรายซึ่งดำรงตำแหน่งในกิจการที่มีลักษณะเป็นคู่แข่งโดยตรง เช่น กลุ่มเซ็นทรัลและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ จึงมีความเสี่ยงเข้าข่ายความขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามมาตรา 86 ของกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัด

ในวาระที่ 4.1 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนผู้ที่พ้นตำแหน่ง 4 คน สืบเนื่องจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 32/2568 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมมีมติไม่ให้กรรมการทั้งสี่กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ทำให้เกิดตำแหน่งว่างตามมาตรา 71 และข้อบังคับของบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จึงเสนอชื่อบุคคลภายนอกเข้ามาแทน ได้แก่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร นายกุลิศ สมบัติศิริ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ และนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย อย่างไรก็ดี ดร.ปานปรีย์ได้แจ้งสละสิทธิ์ไม่ขอเข้ารับเลือกตั้งเนื่องจากภารกิจอื่น ส่วนผู้ถูกเสนอชื่ออีกสองรายคือ นายกุลิศ และนางสาวอัจฉรินทร์ ยังไม่ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมฉบับจริงที่บริษัทร้องขอ แม้จะผ่านเกณฑ์ทางกฎหมาย แต่บอร์ดย้ำว่าผู้ถือหุ้นควรใช้ดุลพินิจพิจารณาด้านความเหมาะสมของประสบการณ์ วิสัยทัศน์ และคุณธรรม ประกอบการตัดสินใจ

ต่อมา วาระที่ 4.2 ว่าด้วยการเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 12 คนเป็น 18 คน โดยเพิ่มกรรมการทั่วไปอีก 5 คนและกรรมการอิสระอีก 1 คน การเสนอรายชื่อครั้งนี้มีทั้งบุคคลจากภาครัฐและเอกชน เช่น ดร.กฤษดา กวีญาณ นายเสข วรรณเมธี นายปัณฑิต มงคลกุล นายภูม โอสถานนท์ นายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์ และนายพิชัย ดุษฎีกุลชัย แม้ทุกคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์กฎหมาย แต่บอร์ดได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงที่ชัดเจน โดยเฉพาะดร.กฤษดา นายปัณฑิต และนายภูม ซึ่งดำรงตำแหน่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเซ็นทรัล อันเป็นกิจการที่มีลักษณะเดียวกันและอาจแข่งขันกับกลุ่มดุสิตโดยตรง จึงเข้าข่ายต้องเปิดเผยให้ผู้ถือหุ้นทราบก่อนลงมติ เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนตามที่กฎหมายกำหนด

สำหรับวาระที่ 4.3 คือการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการผู้มีสิทธิลงนามแทนบริษัท ข้อเสนอของผู้ถือหุ้นคือให้เปลี่ยนจาก “นายชนินทธ์ โทณวณิก นางสินี เธียรประสิทธิ์ และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ลงนามร่วมกันสองในสาม” เป็น “นางสินี เธียรประสิทธิ์ ดร.กฤษดา กวีญาณ และนายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์ ลงนามร่วมกันสองในสาม” เหตุผลเพื่อให้สอดคล้องกับรายชื่อกรรมการใหม่ อย่างไรก็ตาม บอร์ดเห็นว่าการให้อำนาจเช่นนี้กับบุคคลภายนอกที่ยังไม่มีประสบการณ์ตรงในธุรกิจโรงแรม และหนึ่งรายยังดำรงตำแหน่งในธุรกิจที่อาจแข่งขันกับบริษัท อาจสร้างความเสี่ยงต่อการกำกับดูแลและการดำเนินงานของกลุ่มดุสิต

เสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนได้เสีย

ดุสิตธานีเปิดเผยว่า บริษัทได้รับข้อกังวลจากผู้มีส่วนได้เสียหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า สถาบันการเงิน หรือแม้แต่ลูกบ้านของโครงการดุสิต เรสซิเดนเซส ซึ่งกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการและอำนาจกรรมการจะกระทบต่อความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ ความเชื่อมั่นของตลาด และนโยบายของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ในแง่เกณฑ์การลงมติ วาระถอดถอนนายชนินทธ์ต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง และต้องมีจำนวนหุ้นที่เห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่ผู้เข้าประชุมถืออยู่ ส่วนวาระอื่น เช่น การอนุมัติรายงานการประชุม การอนุมัติงบการเงิน การแต่งตั้งกรรมการ และการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ ใช้เสียงข้างมากตามข้อบังคับบริษัท

การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่มดุสิตธานี ที่จะสะท้อนทิศทางในอนาคตทั้งในเชิงโครงสร้างกรรมการ อำนาจการบริหาร และความเชื่อมั่นของตลาดต่อตราสินค้าที่ดำรงชื่อเสียงในธุรกิจโรงแรมไทยมาอย่างยาวนาน


แชร์
บอร์ดดุสิตห่วงปลด"ชนินทธ์”กระทบธุรกิจ-ภาพลักษณ์ ชี้คนนอกขาดประสบการณ์