ทรัมป์บ่นผู้นำยุโรปอ่อนแอ แก้ปัญหายูเครนไม่ได้ เซเลนสกีชี้หาทางออกอยู่
ทรัมป์ฟาดแรง ผู้นำยุโรปอ่อนแอ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Politico สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยวิจารณ์ผู้นำยุโรปว่า "อ่อนแอ" และระบุว่า สหรัฐฯ อาจลดการสนับสนุนยูเครนลง ทรัมป์กล่าวหาว่า ประเทศยุโรปที่กำลังเสื่อมถอย ล้มเหลวในการควบคุมการย้ายถิ่นฐาน และไม่ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติสงครามในยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในการสัมภาษณ์ดังกล่าว โดนัลด์ ทรัมป์ ยังโจมตีผู้นำยุโรปว่า พวกเขากำลังยอมให้รัฐบาลยูเครนต่อสู้กับรัสเซียจนกว่ายูเครนจะล่มสลาย พร้อมกดดันให้ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ยอมเล่นตามเกมเจรจาสันติภาพ และยอมสละดินแดนให้รัสเซีย เพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคงของประเทศ
ทางฝั่งเซเลนสกีได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X เมื่อวานนี้ (9 ธันวาคม 2568) ระบุว่า ยูเครนและยุโรปกำลังดำเนินการร่วมกันอย่างแข็งขัน โดยทำทุกองค์ประกอบของขั้นตอนที่เป็นไปได้เพื่อยุติสงคราม พร้อมเปิดเผยว่าแผนของยูเครนและยุโรปนั้นได้รับการพัฒนามากขึ้นแล้ว จากนั้นเขาได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเชื่อว่าแผนดังกล่าวจะถูกส่งไปให้สหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มเติมในวันนี้
ทั้งนี้ คำวิจารณ์ล่าสุดของทรัมป์ที่มีต่อยุโรปเกิดขึ้นหนึ่งวัน หลังจากที่ผู้นำยุโรปประชุมหารือร่วมกับผู้นำยูเครนที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อหาทางออกในการยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เมื่อทรัมป์ถูกถามว่ายุโรปจะช่วยยุติสงครามได้หรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า พวกเขาพูดคุย แต่พวกเขาไม่ได้สร้างผลงาน และสงครามก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ
รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้จัดการเจรจาแยกกันกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนและรัสเซียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพยายามไกล่เกลี่ยให้สงครามยุติลง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใด ๆ เช่นกัน
ยุโรปโต้ เข้มแข็งที่สุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดียูเครนได้เรียกร้องให้ผู้นำยุโรปและ NATO ช่วยยับยั้งสหรัฐฯ จากการสนับสนุนข้อตกลงที่ทำร่วมกับรัสเซีย เพราะข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ยูเครนต้องเผชิญกับการโดนรัสเซียโจมตีในอนาคต ด้านผู้นำยุโรปตอบรับ โดยแสดงความพยายามในการเข้าไปมีส่วนร่วมในข้อตกลงนี้ เนื่องจากผู้นำยุโรปเกรงว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะบ่อนทำลายผลประโยชน์ระยะยาวของยุโรปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางอีเวตต์ คูเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ได้ออกมาตอบโต้คำวิจารณ์รุนแรงของทรัมป์ โดยระบุว่า สิ่งที่เธอเห็นในยุโรปคือ "ความเข้มแข็ง" และยกตัวอย่างการลงทุนในการป้องกันประเทศ รวมถึงการให้เงินทุนสนับสนุนแก่รัฐบาลเคียฟ เธอกล่าวเสริมว่ามีประธานาธิบดีสองคนที่ "กำลังทำงานเพื่อสันติภาพ" ซึ่งหมายถึง ทรัมป์และเซเลนสกี และ "มีประธานาธิบดีหนึ่งคน - ประธานาธิบดีปูติน - ที่จนถึงขณะนี้ได้พยายามยกระดับความขัดแย้งด้วยการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง"
CNN ชี้ ทรัมป์-ยุโรปขัดแย้ง จะเป็นของขวัญให้ปูติน
ความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้นระหว่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยุโรป กำลังกลายเป็นแต้มต่อสำคัญให้กับรัสเซีย หลังทรัมป์ย้ำคำวิจารณ์รุนแรงต่อชาติยุโรป พร้อมกดดันยูเครนให้ยอมรับความพ่ายแพ้และ "เล่นตามเกม" โดยยอมยกดินแดนให้รัสเซียอย่างเปิดเผย ซึ่งรัสเซียได้ออกมาแสดงความยินดีต่อท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลของยุโรปที่ต้องเร่งระดมความช่วยเหลือให้รัฐบาลเคียฟ
ข้อสังเกตของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้น หลังจากการเผยแพร่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีรัฐบาลยุโรปที่ให้การสนับสนุนยูเครน เอกสารดังกล่าวระบุว่า "ชาวยุโรปส่วนใหญ่มุ่งหวังสันติภาพ แต่ความปรารถนานั้นไม่ได้ถูกแปลงเป็นนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะรัฐบาลเหล่านั้นบ่อนทำลายกระบวนการประชาธิปไตย"
นายกรัฐมนตรี ฟรีดริช เมิร์ซ ของเยอรมนี ได้ออกมาตอบโต้เอกสารยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยแถลงว่า “บางส่วนก็เข้าใจได้ บางส่วนก็ยอมรับได้ และบางส่วนก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับเราจากมุมมองของยุโรป” พร้อมเสริมว่า ชาติยุโรปไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในการรักษาประชาธิปไตยในยุโรป
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลทรัมป์สร้างภาพลักษณ์ให้ยุโรปเป็นอุปสรรคต่อการยุติสงครามและเป็นผู้ "ต่อต้านประชาธิปไตย" นั้น ถือเป็นสิ่งที่ถูกใจรัสเซียอย่างยิ่ง โดยดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน แสดงความยินดีกับการเผยแพร่เอกสารดังกล่าว ระบุว่า แผนของทรัมป์ "สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัสเซีย" และความแตกต่างที่รัสเซียเห็นในแนวคิดใหม่นี้ดึงดูดใจเราอย่างแน่นอน เพราะมันพูดถึงความจำเป็นในการเจรจาและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างสรรค์
ด้าน คิริล ดมิทริเยฟ ซีอีโอของ Russian Direct Investment Fund และคนกลางสำคัญในการเจรจาทางการทูตระหว่างวอชิงตันและเครมลินในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้ฉวยโอกาสนี้เช่นกัน เขาแสดงความยินดีกับการตำหนิชาติยุโรปของทรัมป์ โดยเฉพาะคำเตือนของทรัมป์ที่ว่า "ยุโรปต้องระมัดระวังให้มาก" และ "ยุโรปกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่ดี... ซึ่งเป็นผลเสียอย่างมากต่อประชาชน"
