Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์ส่งกองกำลังฯ ถือปืน ยืนทั่วในอเมริกา สื่อถกเข้ม มีอำนาจทำได้ไหม?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์ส่งกองกำลังฯ ถือปืน ยืนทั่วในอเมริกา สื่อถกเข้ม มีอำนาจทำได้ไหม?

7 ต.ค. 68
14:30 น.
แชร์

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ บรรยากาศใจกลางเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นลอสแอนเจลิส พอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ชิคาโก หรือแม้แต่เมืองหลวงอย่างกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประชาชนในแต่ละแห่งล้วนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองกำลังพิเศษ ที่หรือเรียกรวม ๆ ว่า กองกำลังระดับชาติ (National Guard) สวมเครื่องแบบ เดินไปมาบนท้องถนน พร้อมบางส่วนติดอาวุธ ยานพาหนะขนกำลังพลจอดอยู่ในจุดแลนมาร์คของเมือง สร้างความหวาดหวั่นและไม่สบายใจให้คนในพื้นที่ไม่น้อย

เหตุผลหลักที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์สั่งส่งกองกำลังเหล่านี้ไปยังเมืองต่าง ๆ นั้น คือการปราบปรามอาชญากรรมครั้งใหญ่ แต่หลายคนรู้กันดีว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายของทรัมป์ โดยเฉพาะในพอร์ตแลนด์และชิคาโก มีการระบุเหตุผลว่า เพื่อเสริมสร้างการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองโดยเฉพาะ และตามมาด้วยภาพของการใส่กุญแจมือชาวต่างชาติบนท้องถนน 

แน่นอนว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยถึงความเหมาะสมในปฏิบัติการดังกล่าว เพราะการจับกุมที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เคารพสิทธิของประชาชนแบบ 100% และมีรายงานมาเรื่อย ๆ ว่ามีการจับผิดตัวบ้าง มีการกระทำที่อุกอาจของเจ้าหน้าที่บ้าง ยิ่งทวีความรุนแรงและความไม่สบายใจกับประชาชน ขณะที่กองกำลังดังกล่าวถูกแบ่งมาใช้งานเพื่อ “ปราบปรามการประท้วง” ซึ่งทรัมป์อ้างว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสามารถบังคับใช้กฎหมายได้

ถกกันยับ ทรัมป์ใช้ช่องโหว่ สั่งการเกินอำนาจ

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า กฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตให้ทหารทำหน้าที่ตำรวจหรือไม่? กฎหมายของรัฐบาลกลางที่เรียกว่า พระราชบัญญัติ Posse Comitatus (Posse Comitatus Act) โดยทั่วไปจะจำกัดการใช้กองทัพสหรัฐฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศ

กฎหมายนี้บัญญัติขึ้นตั้งแต่ปี 1878 นี้ เป็นหลักการที่ชาวอเมริกันยึดถือมายาวนานว่า การนำกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจการพลเรือนถือเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพส่วนบุคคล แต่กฎหมายฉบับนี้ก็มีข้อยกเว้น ซึ่งนักการเมือง นักกฎหมายและประชาชนก็ต่างตั้งคำถามว่า ข้อยกเว้นจะถูกนำมาใช้ในกรณีใดได้บ้าง?

National Gaurd คือกองกำลังสำรองที่สามารถปฏิบัติการและอยู่ภายใต้การบัญชาการของผู้ว่าการรัฐของตนได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม กองกำลังฯ สามารถถูกเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังส่วนกลาง (federalized) และอยู่ภายใต้การบัญชาการของ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เช่นกัน

ฝ่ายบริหารของทรัมป์จึงได้อ้างอิงกฎหมายหลักในการส่งกองกำลังติดอาวุธไปยังแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และอิลลินอยส์ โดยใช้ มาตรา 12406 ของส่วนที่ 10 แห่งประมวลกฎหมายสหรัฐฯ (Section 12406 of Title 10 of the U.S. Code) กฎหมายนี้อนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจภายใต้เงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ 1. เพื่อขับไล่การรุกราน 2. เพื่อปราบปรามการจลาจล และ 3. เพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ 

แต่ทุกเขตไม่ได้ยึดหลักการนี้ทั้งหมด เช่น กองกำลังระดับชาติประจำเขตโคลัมเบีย (District of Columbia National Guard) ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีโดยตรง และทรัมป์มีอำนาจเต็มที่จะสั่งการพวกเขาให้ลงพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายกับผู้คน ดังเช่นที่เขาได้ทำไปเมื่อเดือนสิงหาคม โดยทรัมป์อ้างว่า เมืองนี้กำลังประสบปัญหาอาชญากรรมอย่างหนัก แม้นายกเทศมนตรีได้โต้แย้งข้อกล่าวหานี้

คำตัดสินของศาล ฟันธงว่าอย่างไร?

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสั่งระงับคำสั่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะจัดส่งกองกำลังระดับชาติจากรัฐออริกอน จำนวน 200 นายไปยังเมืองพอร์ตแลนด์ โดยผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ คาริน อิมเมอร์กุทได้วินิจฉัยว่า ข้ออ้างของทรัมป์ที่ระบุว่า มีประชาชนกำลังใช้ความรุนแรงขัดขวางเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางนั้น เป็นสิ่งที่ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง ผู้พิพากษาให้ความเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่ประธานาธิบดีจะนำมาตรา 12406 มาอ้างอิงเพื่อสั่งปฏิบัติการในครั้งนี้ ต่อมาทรัมป์ได้ยื่นคำร้องแจ้งความจำนงในการอุทธรณ์คดีดังกล่าวแล้ว

ผู้พิพากษาอิมเมอร์กุท ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระแรกของทรัมป์ ยังได้มีคำสั่งระงับความพยายามของฝ่ายบริหารที่จะส่งกองกำลังฯ ดังกล่าว จากรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัสไปยังพอร์ตแลนด์อีกด้วย

แต่ศาลอุทธรณ์ที่ 9 ของสหรัฐฯ ในซานฟรานซิสโก กลับมีคำวินิจฉัยออกมาแบบตรงกันข้าม ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลสั่งอนุมัติคำสั่งของทรัมป์ตามมาตรา 12406 ที่จะขอส่งกองกำลังไปยังลอสแอนเจลิส เพราะขณะนั้นการประท้วงได้เกิดความรุนแรง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขัดขวางเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจากการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ คดีที่นำเข้าสู่ศาลอุทธรณ์นี้ถูกยื่นโดยผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กาวิน นิวซัม ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแแครตคนสำคัญ

ขณะที่รัฐอิลลินอยส์และชิคาโกได้ยื่นฟ้องฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อระงับการส่งกองกำลังติดอาวุธไปยังชิคาโก แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำตัดสินของผู้พิพากษาต่อคำร้องดังกล่าว

ทรัมป์จะแก้เกมอย่างไร มีช่องทางไหนให้ไปต่อ?

รอยเตอร์สเชื่อว่า ทรัมป์จะยังมีช่องทางที่จะดำเนินนโยบายอันแข็งกร้าวของเขาต่อไป โดยใช้พระราชบัญญัติการก่อความไม่สงบ (Insurrection Act) ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของพระราชบัญญัติ Posse Comitatus เขาบอกกับนักข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะพิจารณาใช้กฎหมายฉบับนี้แทน หากศาลยังคงขัดขวางคำสั่งของเขา

อย่างไรก็ตาม การจะใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังคงมาพร้อมกับเงื่อนไขหลายประการ เมื่อเกิดการก่อความไม่สงบ การจลาจล หรือ "การขัดขวางที่ผิดกฎหมาย" ศาลฎีกาได้ตัดสินว่า ประธานาธิบดีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถตัดสินได้ว่าเงื่อนไขของพระราชบัญญัติได้รับการบรรลุแล้วหรือไม่

ตามข้อมูลจาก Brennan Center for Justice ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถาบันนโยบายสาธารณะที่เอนเอียงไปทางฝ่ายซ้าย (เดโมแครต) ได้ระบุว่า มีการใช้กฎหมายนี้มาแล้ว 30 ครั้ง ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ทรัมป์อาจได้การเปิดทางจากผู้ว่าการรัฐให้เรียกใช้พระราชบัญญัตินี้ได้ ดังเช่นที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช (George H.W. Bush) ได้รับอนุญาตในปี 1992 เพื่อตอบสนองต่อเหตุจลาจลในลอสแอนเจลิส

ทรัมป์สามารถบังคับใช้กฎหมายนี้ได้ด้วยตนเอง หากเขาเห็นว่า สถานการณ์ในปัจจุบันกำลังเกิดการล่มสลายของกฎหมายและความสงบเรียบร้อย หรือตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้เพื่อปกป้องสิทธิพลเมือง ทั้งนี้ กฎหมายนี้เคยถูกนำมาใช้ในช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 เพื่อบังคับใช้การยกเลิกการแบ่งแยกโรงเรียนตามเชื้อชาติและปกป้องการเดินขบวนเพื่อสิทธิพลเมือง


แชร์
ทรัมป์ส่งกองกำลังฯ ถือปืน ยืนทั่วในอเมริกา สื่อถกเข้ม มีอำนาจทำได้ไหม?