
จ๊วด! ซอดแจ้ง!! ระวัง "หัวใจหยุดเต้น" รู้จักภาวะดับฉับพลัน Holiday Heart Syndrome อาการสัญญาณอันตราย
แม้ว่าช่วงเทศกาลวันหยุดจะเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นจนทำให้เผลอปล่อยใจตามบรรยากาศได้ง่าย แต่สิ่งสำคัญคือไม่ควรเผลอทำให้สุขภาพหัวใจของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง งานวิจัยพบว่า ในช่วงระหว่างวันคริสต์มาสจนถึงวันขึ้นปีใหม่ มีผู้เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจมากกว่าช่วงเวลาอื่นของปี
“Holiday heart syndrome” เป็นคำที่ใช้เรียกรวมภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจที่เกิดขึ้นในช่วงหรือใกล้กับการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูหนาว เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด atrial fibrillation หรือ "ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว" ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น และภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวาย
การบริโภคอาหารและแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก ตามคำอธิบายของ นพ.วิลเลียม เจ. ปราภู แพทย์โรคหัวใจ และรองผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ (cardiac catheterization lab) โรงพยาบาล NewYork-Presbyterian Hudson Valley
“แม้แต่คนที่ปกติระมัดระวังเรื่องปริมาณเกลือ แอลกอฮอล์ และแคลอรีที่บริโภค ในช่วงเทศกาลวันหยุด ความระมัดระวังเหล่านั้นมักจะหายไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้”
เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับ holiday heart syndrome ให้มากขึ้น นพ.ปราภู อธิบายเพิ่มเติมตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้เกิด ไปจนถึงวิธีป้องกัน
ในงานสังสรรค์ช่วงวันหยุด เรามักจะรับประทานอาหารในปริมาณมากขึ้น เป็นอาหารหนัก และมีโซเดียมสูง ซึ่งส่งผลต่อความดันโลหิต ความดันโลหิตที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มภาระให้หัวใจและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายได้
นอกจากนี้ ในกิจกรรมลักษณะนี้ ยังเป็นเรื่องง่ายที่จะเผลอไม่ทันสังเกตปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม การดื่มแบบหนักในช่วงสั้น ๆ (binge drinking) ซึ่งสำหรับผู้ชายหมายถึงการดื่มตั้งแต่ 5 แก้วขึ้นไป และสำหรับผู้หญิง 4 แก้วขึ้นไป ภายในเวลา 2 ชั่วโมง
รวมถึงแม้แต่การดื่มในระดับปานกลาง ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะ Atrial Fibrillation ซึ่งเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ระบบไฟฟ้าของหัวใจซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณควบคุมอัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจจะถูกรบกวน ส่งผลให้หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้ จากการเดินทางในช่วงวันหยุดหรือการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ผู้ที่มีโรคหัวใจบางรายอาจลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ทางหัวใจ
ผู้ที่กำลังเผชิญกับ holiday heart syndrome อาจมีอาการใจสั่น เจ็บหรือแน่นหน้าอก รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม และมีอาการบวมที่ขา
แม้คุณอาจรู้สึกไม่อยากขัดจังหวะบรรยากาศการเฉลิมฉลอง แต่ไม่ควรเพิกเฉยต่ออาการเหล่านี้ หรือเลื่อนการไปพบแพทย์ งานวิจัยพบว่า การชะลอการเข้ารับการรักษาที่เกิดจากช่วงวันหยุด อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ หากคุณมีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ทันที
แม้ holiday heart syndrome จะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือผู้ที่มีโรคหัวใจเรื้อรังอยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงสูงกว่า
งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังพบว่า holiday heart syndrome สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่แทบไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ดื่มเลย แต่มีการดื่มหนักเป็นครั้งคราว การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำในระยะยาวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และแม้ว่าภาวะเอเทรียลฟิบริลเลชันที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เอง แต่พบว่าสูงถึงร้อยละ 30 ของผู้ป่วยอาจกลับมาเป็นซ้ำภายในหนึ่งปี
เนื่องจาก holiday heart syndrome มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงเป็นหลัก การรักษาจึงขึ้นอยู่กับปัญหาทางหัวใจและอาการของแต่ละบุคคล
holiday heart syndrome เป็นคำที่ใช้เรียกรวมภาวะอื่น ๆ และมีความรุนแรงแตกต่างกันไป
แพทย์อาจให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ เพื่อช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ หรืออาจใช้การช็อกไฟฟ้าในระยะสั้นเพื่อแก้ไขภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมถึงวิธีการรักษาอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
ควรตระหนักว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลวันหยุดในแต่ละปี คุณมีอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี และสุขภาพโดยรวมอาจไม่เหมือนกับปีก่อน ๆ เมื่ออายุมากขึ้น เราจะสะสมปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น และมีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพได้ง่ายขึ้น
หัวใจสำคัญคือการรู้จักพอดี คุณยังสามารถและควรสนุกกับการเฉลิมฉลองกับคนที่คุณรักได้ โดยไม่จำเป็นต้องเลยเถิดจนเกิดความเสี่ยง
ตลอดทั้งปี การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พยายามลดความเครียด และเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างเหมาะสม
อ้างอิง : healthmatters
Advertisement