Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ธุรกิจPet Friendlyปรับตัวอย่างไร? เมื่อลูกคุณไม่ได้น่ารักสําหรับทุกคน
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

ธุรกิจPet Friendlyปรับตัวอย่างไร? เมื่อลูกคุณไม่ได้น่ารักสําหรับทุกคน

23 ธ.ค. 68
17:56 น.
แชร์

กลายเป็นประเด็นดราม่าหลังคลิปคู่รักพาน้องหมาไปร่วมโต๊ะกินอาหารบุฟเฟต์ด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเสียงชาวเน็ตได้แตกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือการมองว่าคนกับหมาไม่ควรนั่งโต๊ะเดียวกัน ใช้จานร่วมกัน แล้วสุขอนามัยความสะอาดจะเป็นอย่างไรไม่กังวลถึงลูกค้าคนอื่น ๆ เหรอ?

ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่ม Pet Parent ที่รักสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก มองว่าเป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์ เข้าใจหัวอกพ่อแม่สัตว์เลี้ยงหากมีโอกาสจะพร้อมไปสนับสนุนร้านค้า และอยากเห็นประเทศไทยมีร้านอาหารแบบนี้เยอะ ๆ

สรุปแล้วธุรกิจ Pet Friendly ต้องปรับตัวอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งพ่อแม่สี่ขาและลูกค้าปกติ ?

ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนนิยมเป็นโสด หรือหากแต่งงานก็ไม่อยากมีลูกเนื่องจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจ เพราะกว่าจะเลี้ยงเด็กหนึ่งคนให้โตด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีต้องใช้เงินจำนวนมาก ส่งผลให้อัตราการเกิดของประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ปี 2014 มีเด็กไทยเกิดใหม่ 770,000 คน ส่วนปี 2024 มีเด็กไทยเกิดใหม่ 462,240 คน ส่วนจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้ง สุนัข แมว และสัตว์อื่น ๆ เช่น นก ปลา เพิ่มขึ้นราว 2.5% CAGR และคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2025-2028 จำนวนสัตว์เลี้ยงยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องราว 2.6% CAGR 

แต่แม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะไม่ใช่ลูกที่เป็นคน ก็ต้องยอมรับว่าพ่อแม่สมัยนี้เปย์น้อง ๆ ฉ่ำ ค่าเลี้ยงดูเฉลี่ยอยู่ที่ 50,500 บาทต่อตัวต่อปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 22.9% จากปี 2024 ที่อยู่ราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี

สิ่งเหล่านี้สร้างเม็ดเงิดสะพัดในธุรกิจสัตว์เลี้ยง และผลักดันให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตในปี 2025 อยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 13.2%

ส่วนการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน จะอยู่ให้รอดก็ต้องปรับตัว เมื่อเทรนด์มาก็ต้องจับให้ทัน และยิ่งตลาดสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าสูงขนาดนี้ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการอยากกระโดดเข้ามาในตลาดนี้

จริง ๆ เราได้เห็นหลากหลายธุรกิจต่างปรับตัว เช่น

  • ห้างสรรพสินค้า :

ห้างใหม่ ๆ ที่ปรับตัวสู่ห้าง Pet Friendly และมีการแบ่งโซนชัดเจนหากเป็นโซน Outdoor สามารถพาน้อง ๆสี่ขาวิ่งเล่นได้ แต่หากอยู่ในโซนปิด ก็อาจจะต้องให้น้อง ๆ อยู่ในรถเข็น ส่วน Supermarket บางแห่งก็ไม่อนุญาตให้น้อง ๆ สี่ขาเข้าเลย เช่น Dusit Central Park, Central Festival Eastville, The Crystal (รามอินทรา/ราชพฤกษ์, K Village, The Commons)

  • ที่พักทั้งโรงแรม และ คอนโด :

ปัจจุบันมีโรงแรม Pet Friendly ในประเทศไทยให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกสำหรับลูก ๆ สี่ขา ทั้งเบาะนอน, ชามอาหาร หรือของเล่น หรือบางโรงแรมอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงเลย เช่น Kimpton Maa-Lai Bangkok, Le Meridien Bangkok

ส่วนตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ในประเทศไทยมีการขยายตัวโดย ในปี 2023 ความต้องการคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้พุ่งสูงถึง 23,000 ยูนิต จากเพียง 500 ยูนิตในปี 2011 หรือเติบโตมากถึง 4,600% ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการนี้อย่างจริงจัง ส่วนหากใครอยากซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า คอนโด Pet Friendly ก็มีโอกาสปล่อยเช่าเร็วและได้ค่าเช่าดีกว่าคอนโดทั่วไป เช่น The Base รัชดา 19 จากแสนสิริ, MARU CHULA จาก Major Development

  • ร้านอาหาร & คาเฟ่ :

ได้มีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด เราเห็นหลายร้านเริ่มมีการแปะป้าย Pet Friendly ไว้หน้าร้าน ซึ่งบางร้านก็ได้มีการแบ่งโซนอย่างชัดเจนว่าหากมีน้อง ๆ สี่ขาลูกค้าต้องนั่งโซน outdoor เผื่อไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่น ๆ บางร้านอนุญาตให้น้อง ๆ ออกมาจากกระเป๋าเพียงแต่ต้องจูงสายจูงไว้ตลอด ส่วนบางร้านก็มีอาหารสำหรับน้องหมาน้องแมวโดยเฉพาะ โดยที่น้อง ๆ สามารถขึ้นมานั่งโต๊ะเดียวกันกับเราได้เลย ขึ้นอยู่กับกฎของแต่ละร้าน

  • บริการขนส่ง :

อย่างเช่น GrabPet ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 95 บาท (สำหรับขนาดปกติ) และ 145 บาท (สำหรับ XL) หรือรถไฟฟ้าสายสีแดง มีบริการ Pet Friendly Train เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ โดยต้องนำสัตว์เลี้ยงใส่กรงที่มิดชิดและมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการสุขภาพและเวลเนส ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงที่ตอบรับกลุ่มรักสัตว์ในตลาดนี้ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของภาคธุรกิจในการรองรับ Pet tourism คือการสร้างสมดุลในการให้บริการระหว่างกลุ่มลูกค้ารักสัตว์และกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับสัตว์/เป็นภูมิแพ้สัตว์ และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริการที่เพิ่มขึ้น 

เพราะการดำเนินธุรกิจจะต้องพึ่งพาลูกค้าทั้งกลุ่มรักสัตว์และกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับสัตว์/เป็นภูมิแพ้สัตว์ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจต้องแบ่งแยกพื้นที่ให้บริการของแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน และกำหนดมาตรฐานความสะอาดในการให้บริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจแก่ลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม และธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการรองรับกลุ่ม Pet tourist ซึ่งจะต้องบริหารจัดการในรูปแบบของต้นทุนในการทำความสะอาด บุคลากรที่มารองรับการให้บริการ การบำรุงรักษา และอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับสัตว์เลี้ยง 

อ้างอิง : SCB EIC

krungsri

แชร์
ธุรกิจPet Friendlyปรับตัวอย่างไร? เมื่อลูกคุณไม่ได้น่ารักสําหรับทุกคน