ตอบ 7 คำถามไทย-กัมพูชา โต้คำลวง ฮุน เซน แชร์ไปให้เพื่อนต่างชาติเข้าใจ

ฮุน เซนดึงดราม่า โวยเป็นประเทศเล็กถูกรังแก

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ออกแถลงการณ์ตอบคำถาม 7 ข้อที่ถูกนานาชาติถามบ่อย เพื่อเป็นการตอบโต้สารโฆษณาชวนเชื่อของ ฮุน เซน ผู้นำสูงสุดเบื้องหลังการเมืองกัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้โพสต์โพสต์คลิปวิดีโอ เนื้อหาระบุว่า มี 3 ความอยุติธรรมที่กัมพูชากำลังเผชิญจากความขัดแย้ง ระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมเรียกร้องให้ชาติ รัฐ และสถาบันต่างๆ ต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อความเข้มแข็งของกัมพูชา

ในคลิปวิดีโอความยาว 3.07 นาที พร้อมข้อความบรรยายเป็นภาษาอังกฤษว่า "กัมพูชาไม่ได้แค่ถูกโจมตีบนดินแดนของเราเอง" เกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศ กำลังถูกทำร้ายด้วยการกระทำอันโหดร้ายของกองทัพไทยและรัฐบาลไทย

ผู้ประกาศข่าวกัมพูชากล่าวว่า กัมพูชาถูกรุกราน แต่ไทยกลับอ้างว่าเป็นการป้องกันตนเองจากการคุกคาม กัมพูชาถูกรุกราน แต่กลับมีการสร้างเรื่องราวใหม่ขึ้นมาว่า นี่คือการรณรงค์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัมพูชาถูกรุกราน และถูกกดดันให้ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว นี่คือความอยุติธรรม 3 ประการ ซึ่งแรงกดดันที่ทับถม การบีบบังคับที่ทับถม ประเทศเล็ก ๆ ถูกบีบให้ยอมรับการหลอกลวง เพื่อเอาใจมหาอำนาจที่ใหญ่กว่า

ท้ายที่สุด ก็ตบท้ายด้วยเนื้อหาปลุกใจชาวกัมพูชาระบุว่า ต้องเปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นพลัง โดยการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ เสริมสร้างทักษะแรงงาน พัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและการทหาร และสร้างคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์

ศูนย์แถลงข่าวร่วมไทยซัดละเอียด ตอบ 7 คำถามให้เคลียร์

จากคลิปวิดีโอดังกล่าวที่มีเนื้อโจมตีประเทศไทย ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ในรูปแบบ Q&A ซัดคำลวงของฮุน เซน ทีละประเด็นอย่างละเอียด เพื่อสร้างความเข้าใจกับนานาชาติผู้สังเกตการณ์แก่ทั่วโลก Spotlight ได้รวบรวมเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษไว้ดังนี้

Q&A เชิงข้อเท็จจริง–เป็นสากล–มีความชอบธรรม

เพื่อตอบโต้สารโฆษณาชวนเชื่อของ ฮุน เซน เมื่อ 21 ธ.ค.68

Q&A: Factual and Legally Grounded Responses 

to Statements made by Hun Sen (21 December 2025)

Q1: กัมพูชาถูกรุกรานโดยไทยจริงหรือไม่

A: ไม่จริง ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้จากหลายแหล่ง เช่น OSINT และรายงานภาคสนาม ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉาก ใช้ก้าลังทางทหารก่อน ทั้งการยิงอาวุธเข้ามาในเขตแดนไทย การเคลื่อนก้าลังรุกล้าพื้นที่ และการใช้พื้นที่ต้องห้ามทางทหาร

Q1: Is it true that Cambodia has been “invaded” by Thailand?

A: No. Verifiable facts from multiple sources, including open-source intelligence (OSINT) and field reports, confirm that Cambodian forces initiated the use of military force. This includes firing weapons into Thai territory, advancing troops across the border, and operating within zones that should not be used for military purposes. These actions constitute the opening of hostilities by the Cambodian side.

Q2: ไทยอ้าง “ป้องกันตนเอง” เป็นข้ออ้างหรือไม่

A: ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ การป้องกันตนเองของไทยอยู่ภายใต้หลักความจำเป็น (Necessity) และความได้สัดส่วน (Proportionality) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 เนื่องจากเป้าหมายของไทย เป็นเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และไม่มีนโยบายโจมตีพลเรือนหรือโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน

Q2: Is Thailand’s claim of self-defense merely a pretext?

A: No. Thailand’s actions constitute the legitimate exercise of the right of self-defense under international law. Such actions are conducted strictly in accordance with the principles of necessity and proportionality, as enshrined in Article 51 of the United Nations Charter. Thailand’s operations are directed exclusively at military targets, and Thailand has no policy of targeting civilians or civilian infrastructure.

Q3: ข้อกล่าวหาว่าไทย “สร้างเรื่องปราบปรามสแกมเมอร์” เพื่อกลบข่าวการรุกราน จริงหรือไม่

A: ไม่จริง ข้อกล่าวอ้างเป็นการบิดเบือนเหตุผล เครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ตามแนวชายแดนกัมพูชาเป็นข้อเท็จจริงที่สื่อสากล องค์การระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติแห่งสหประชาชาติ (UNODC) โดยหลายประเทศยอมรับมานาน การปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์เป็นประเด็นความมั่นคงข้ามชาติ ไม่ใช่ข้ออ้างทางทหาร ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร และไม่เกี่ยวกับการเริ่มต้นการสู้รบ

Q3: Is the allegation that Thailand fabricated a “scam suppression narrative” to conceal aggression credible?

A: No. This allegation represents a distortion of facts and causality. The presence of transnational online scam networks along the Cambodia–Thailand border has long been acknowledged by international media, international organizations such as

the United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC), and various countries. Countering cybercrime is a transnational issue, not a military justification, not a military target, and not related to existing armed clashes.

Q4: กัมพูชาถูกกดดันให้หยุดยิงฝ่ายเดียวจริงหรือไม่

A: ไม่จริง ข้อเสนอหยุดยิงที่ประชาคมระหว่างประเทศเรียกร้อง เป็นการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้กำลังและการคุกคาม แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงยิงอาวุธจากพื้นที่ชายแดน เคลื่อนกำลังรุกล้ำ วางทุ่นระเบิด จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าถูก “บีบฝ่ายเดียว”

Q4: Has Cambodia been unfairly pressured to agree to a unilateral ceasefire?

A: No. Calls by the international community for a ceasefire are directed at all parties, urging the cessation of the use of force and the threat of the use of force. However, Cambodian forces have continued to fire from border areas, advance troops, and

lay landmines. Under such circumstances, it cannot be claimed that Cambodia is being pressured unilaterally.

Q5: กัมพูชาปกป้องตนเอง แต่กลับถูกกล่าวหาว่ายั่วยุ จริงหรือไม่

A: เพราะพฤติการณ์ในสนามรบไม่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้าง เนื่องจากกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน บุกรุกพื้นที่เข้ามาก่อน มีการใช้พื้นที่พลเรือนและโบราณสถานเป็นฐานที่มั่นทางทหาร และมีการวางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน การกระทำเหล่านี้ ไม่เข้าข่ายการป้องกันตนเอง แต่เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

Q5: Is Cambodia acting in self-defense but being falsely accused of provocation?

A: The facts on the ground do not support such claims. Cambodia initiated fire and crossed into Thai territories first, used civilian areas and historical sites as military positions, and laid landmines along the border. These actions do not constitute self-defense but rather amount to violations of international humanitarian law.

Q6: การกล่าวว่า “อำนาจเป็นผู้ตัดสินความจริง” ถูกต้องหรือไม่

A: ไม่ถูกต้อง เนื่องจากในระเบียบโลกปัจจุบัน หลักฐาน ข้อเท็จจริง และกฎหมายระหว่างประเทศเป็นตัวตัดสิน ประเทศไทยนำเสนอข้อมูลที่ตรวจสอบได้ มีหลักฐานอ้างอิง ซึ่งแตกต่างจากการใช้วาทกรรมด้วยอารมณ์และการชวนเชื่อ

Q6: Is the claim that “power determines truth” valid?

A: No. In the contemporary international order, truth is determined by evidence, verifiable facts, and international law, not by power or rhetoric. Thailand has consistently presented verifiable and credible information, in contrast to emotionally charged

narratives and propaganda.

Q7: เหตุใดประชาคมโลกจึงเรียกร้องให้กัมพูชายับยั้งชั่งใจ

A: เพราะพฤติกรรมของกัมพูชาเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการยกระดับความขัดแย้ง การยับยั้งชั่งใจไม่ใช่การกดขี่ประเทศเล็ก แต่เป็นกลไกป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และลดการสูญเสียของพลเรือนทุกฝ่าย

ไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน–บุกรุก–วางระเบิด โดยไทยใช้สิทธิป้องกันตนเองอย่างจำกัดและได้สัดส่วนประชาคมโลก ยึดหลักฐาน ไม่ใช่วาทกรรม และการชวนเชื่อไม่อาจแทนที่ข้อเท็จจริงและกฎหมายระหว่างประเทศ

Q7: Why has the international community called upon Cambodia to exercise self-restraint?

A: Because Cambodia’s conduct poses a risk of escalation. Calls for self-restraint are not acts of pressure against a smaller state, but preventive mechanisms aimed at avoiding further escalation and minimizing civilian harm on all sides. Thailand reiterates that Cambodia initiated hostilities through firing, incursions, and the laying of landmines. Thailand has exercised its right of self-defense in a limited and proportionate manner. The international community relies on evidence, not rhetoric, and propaganda cannot substitute for facts or international law.