ย้อนรอยเหตุถนนทรุดตัวกลางสี่แยกในญี่ปุ่น แต่รัฐบาลซ่อมเสร็จรวดเร็วภายในไม่กี่วัน จนสร้างชื่อเสียงให้ประเทศนี้ ขึ้นชื่อเรื่องการฟื้นฟูเมือง
ภาพถนนทรุดเป็นวงกว้าง หน้าโรงพยาบาลวชิระ ถนนสามเสน เขตดุสิตเมื่อเช้านี้ เวลาประมาณ 07.00 น. ทำให้หลายคนนึกถึงภาพถนนทรุดตัวในลักษณะเดียวกันที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะนับว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศเกาะกลางทะเลแห่งนี้ แต่สิ่งที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้ คือความสามารถของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ซ่อมแซมถนนเสร็จได้เพียงไม่กี่วัน และกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
Spotlight ชวนย้อนดูกรณีถนนทรุดในญี่ปุ่น มีครั้งไหนบ้างที่เป็นเหตุรุนแรง พร้อมแกะสูตรแนวคิดเบื้องหลังที่ทำให้การซ่อมแซมเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีองค์ประกอบใดบ้างที่ทำให้การฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จนผู้ใช้รถใช้ถนนมีความเชื่อมั่นที่จะกลับมาใช้งานตามปกติได้อีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2016 ถนนใจกลางสี่แยกฮากาตะ เขตธุรกิจของฟุกุโอกะ เกิดทรุดตัวลงเป็นวงกว้าง กินพื้นที่ติดขอบฟุตบาทที่มีห้างร้านอยู่ชิดถนน หลุบยุบขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 30 ตารางเมตร ลึกลงไปถึง 15 เมตร และมีน้ำไหลเข้ามาเต็มหลุม ด้วยมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทันท่วงทีและไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งท่อประปา ท่อแก๊ส สายไฟฟ้า และสายโทรศัพท์ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับกว่า 800 ครัวเรือน รวมถึงการบริการบางส่วนของสนามบินฟุกุโอกะต้องหยุดชะงัก รวมถึงอาคารหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียงอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะพังถล่ม
เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่เพียงเข้าสู่พื้นที่อย่างรวดเร็วเพื่อเร่งอพยพผู้คน แต่การดำเนินงานหลังจากนั้น กลับรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ เพียง 2 วัน หลังจากเกิดเหตุ หลุมขนาดใหญ่ถูกถมด้วยทรายและซีเมนต์กว่า 6,200 ลูกบาศก์เมตร มีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มข้น และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด จนระบบสาธารณูปโภคกลับมาใช้งานได้ปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลสามารถเปิดถนนให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2016 นับจากวันเกิดเหตุก็เป็นเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ประชาชนยังให้ความเชื่อมั่นในการกลับมาใช้ถนนเส้นดังกล่าวสัญจรตามปกติ เมื่อนำภาพที่ถนนยุบมาเทียบก่อนและหลัง ทำให้ภาพข่าวและเรื่องราวการซ่อมถนนของญี่ปุ่น กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ อีกทั้งสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอในเชิงชื่นชมอีกด้วย
ภายหลังเหตุถนนทรุดตัวในครั้งนี้ นายโซอิจิโร ทาคาชิมะ นายกเทศมนตรีเมืองฟุกุโอกะในขณะนั้นกล่าวว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีความแข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 30 เท่า และจะจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญขึ้นเพื่อหาสาเหตุของการถล่มครั้งนี้
ต่อมารัฐบาลสรุปสาเหตุหลักของการถล่มมาจากโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายของรถไฟใต้ดิน โดยคาดว่ามีการทรุดตัวของชั้นดินเนื่องจากน้ำใต้ดินที่ไหลเข้ามาในระหว่างการขุดเจาะอุโมงค์ แต่ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจพบว่า นี่ไม่ได้ถือว่าเป็น “อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด” สำหรับญี่ปุ่น เพราะมันถูกคาดการณ์เอาไว้แล้ว!
Jiji Press สำนักข่าวท้องถิ่นได้รายงานคำพูดหนึ่งของทีมก่อสร้างของรัฐบาลที่เปิดเผยว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้ เป็นไปตามที่ “คาดการณ์ไว้แล้ว” นั่นหมายความว่า ญี่ปุ่นได้เก็บข้อมูลการทรุดตัวของถนนและเตรียมแผนฟื้นฟูไว้ก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น นี่อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอการประชุมเพื่อถกเถียงในการหาแผนงานที่ดีที่สุด หรือเร่งหาทางออกในเวลาจำกัด จนอาจเกิดการผิดพลาดได้
กระบวนการทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการวางแผนและการดำเนินการอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเน้นย้ำถึงความสามารถของญี่ปุ่นในการระดมพลอย่างรวดเร็ว ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและวินัยในการทำงานสูงมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
รัฐบาลและสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นมีการเน้นย้ำอย่างมากต่อหน้าที่พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นแรงผลักดันในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานระบุว่าทีมก่อสร้างตั้งแต่วิศวกรผู้คุมงานไปจนถึงแรงงานก่อสร้าง คนงานถูกจัดเป็นกะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อซ่อมแซมให้เสร็จภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และยังสะท้อนวัฒนธรรมการทำงานล่วงเวลาของชาวญี่ปุ่นด้วย
นอกจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้ง วิวัฒนาการด้านการก่อสร้างของญี่ปุ่นจึงออกแบบมาเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุได้ดี วัฒนธรรมการก่อสร้างในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความแม่นยำ วินัย และการทำงานที่พิถีพิถัน แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันก็ตาม และแม้จะย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วที่เกิดเหตุการณ์นี้ เทคโนโลยีของญี่ปุ่นก็ล้ำหน้าจนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซ่อมแซมถนนเสร็จเร็วได้
จากเหตุการณ์หลุมยุบที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2016 มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการซ่อมแซมและป้องกันดังนี้
การสำรวจด้วยเทคโนโลยีเรดาร์ใต้ดิน (Ground Penetrating Radar - GPR): แม้ว่าหลุมยุบที่ฟุกุโอกะจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่โดยทั่วไปแล้ว ญี่ปุ่นได้มีการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อตรวจจับโพรงหรือความผิดปกติใต้ดินล่วงหน้าก่อนเกิดการยุบตัว เพื่อสามารถวางแผนการซ่อมแซมหรือเสริมความแข็งแรงได้ทันท่วงที โดยมีบริษัทที่พัฒนา "ระบบเรดาร์ส่งเสียง" ที่สามารถสำรวจได้ลึกถึง 3-5 เมตร ซึ่งลึกกว่าวิธีการแบบเดิมที่ทำได้เพียง 1.5 เมตร
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI): มีการนำเทคโนโลยี "ระบบเรียนรู้เชิงลึกซินไร (Zinrai Deep Learning System)" ของ Fujitsu มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากรถสแกนถนน เพื่อตรวจจับหลุมที่อยู่ใต้ผิวถนน ช่วยลดเวลาในการตรวจหาความผิดพลาดได้ถึง 90% และลดเวลาในการวิเคราะห์ลงครึ่งหนึ่ง
การอัดฉีดซีเมนต์และทราย: ในการซ่อมแซมหลุมยุบที่ฟุกุโอกะอย่างเร่งด่วน ได้มีการนำซีเมนต์และทรายมาอัดฉีดลงไปในหลุม เพื่อสร้างความแข็งแรงและถมพื้นที่ที่ยุบตัวลงไป เทคนิคนี้ช่วยให้สามารถเติมเต็มช่องว่างใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผสมของซีเมนต์และทรายเมื่อแข็งตัวแล้วจะมีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกดจากด้านบนได้ดีกว่าดินตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังสามารถอัดฉีดส่วนผสมเข้าไปในโพรงที่มีขนาดไม่แน่นอนหรือมีความลึกมากได้โดยไม่ต้องทำการขุดขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างโดยรอบ