สุชิลา การ์กี นายกรัฐมนตรีรักษาการและผู้นำหญิงคนแรกของเนปาล ประกาศว่าเธอจะอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 6 เดือน โดยเธอย้ำว่า เธอไม่ได้ต้องการตำแหน่งนี้ แต่ยอมรับตำแหน่งหลังมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนที่ลงถนนประท้วง
สุชิลาเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา และเธอชี้ว่า เธอจะส่งมอบอำนาจให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในวันที่ 5 มีนาคมปีหน้า หมายความว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่เกิน 6 เดือน
การแต่งตั้งเธอเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเนปาลเกิดขึ้น หลังจากที่เกิดการประท้วงต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งทำให้มีประชาชนกว่า 70 คนเสียชีวิต และในเวลาต่อมา รัฐบาลชุดเก่าก็ลาออก
และเสียงเรียกร้องของประชาชนที่สุชิลาพูดถึง อาจจะหมายถึงการที่คนรุ่นใหม่ใช้ “ดิสคอร์ด” แอปพลิเคชันส่งข้อความฟรีของสหรัฐฯ ซึ่งตามปกติแล้วเหล่านักเล่นเกมออนไลน์จะใช้กัน มาใช้โหวตผู้นำคนใหม่
การลงคะแนนดังกล่าวจัดขึ้นโดยฮามิ เนปาล กลุ่มคนรุ่นใหม่เจนซี ซึ่งอยู่เบื้องหลังการประท้วง ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 160,000 คน
ฮามิ เนปาลเปิดช่องในแอปพลิเคชันดังกล่าวชื่อว่า Youth Against Corruption หรือเยาวชนต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งมีการดีเบทกันอย่างดุเดือดถึงอนาคตของประเทศ และยังมีการเปิดไลฟ์สตรีมในช่องทางยูทูปให้ประชาชนได้เข้ามาดูด้วย
การดีเบทผ่านแอปพลิเคชัน Discord ถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติวิธีการทางการเมือง ที่ตรงข้ามกับแนวปฏิบัติแบบดั้งเดิมที่นักการเมืองเลือกผู้นำกันหลังฉาก โดยแทบไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ดังนั้นผู้สนับสนุนยกให้ Discord เป็นพื้นที่การมีส่วนร่วมที่โปร่งใสและทันสมัย
สำหรับ Discord เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ผู้ใช้สื่อสารผ่านข้อความ โทรเสียง วิดีโอ และการแชร์สื่อ ทั้งยังมีฟังก์ชันแชทส่วนตัวและการรวมกลุ่มในชุมชนที่เรียกว่า “เซิร์ฟเวอร์” อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลสั่งแบน Discord พร้อมกับแอปพลิเคชันยอดนิยมอีกมากมาย เช่น Instagram, Twitter และ YouTube
และผลโหวตปรากฏว่า สุชิลี กลายมาเป็นผู้ชนะ โดยก่อนหน้านี้ เธอเคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษามาก่อน และในปี 2012 เธอและผู้พิพากษาศาลฎีกาอีกคน สั่งจำคุกรัฐมนตรีคนหนึ่งขณะอยู่ในตำแหน่งในข้อหาคอร์รัปชัน
งานสำคัญงานแรกที่รอนายกฯ คนใหม่ของเนปาล คือการคืนความสงบสุขให้แก่ประเทศ และซ่อมแซมอาคารรัฐสภา รวมถึงอาคารสำคัญอื่น ๆ ที่ถูกทำลายและเผา โดยเธอได้เข้าไปทำงานที่อาคารหลังหนึ่ง ใกล้กับสำนักนายกรัฐมนตรีที่ถูกไฟไหม้ไปก่อนหน้านี้ระหว่างการประท้วง
“ตอนนี้เราต้องจัดการการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลาย” สุชิลาบอกกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเช่นนั้น
ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการประท้วงดังกล่าวคือเท่าไรกันแน่ แต่สมาคมโรงแรมของเนปาลเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า อุตสาหกรรมโรงแรมเกิดความเสียหายราว 25,000 ล้านรูปีเนปาล หรือประมาณ 5,644 ล้านบาท
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ ก็ได้รับความเสียหาย และแม้แต่แหล่งปีนเขายอดฮิตอย่างโพคาราก็เงียบเหงากว่าที่เคย เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังไม่กล้าเข้ามา
ดังนั้น นี่จึงเป็นงานยากอย่างแรกของผู้นำคนใหม่เนปาล ทั้งเรื่องการฟื้นฟูความเสียหายและเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวให้กลับมา
สุชิลา อดีตผู้พิพากษาเปิดเผยว่า รัฐบาลต้องทำงานให้สอดคล้องกับแนวคิดของคนยุคใหม่อย่างเจนซี ซึ่งเรียกร้องให้ยุติการคอร์รัปชัน ให้รัฐมีธรรมาธิบาลและเกิดเศรษฐกิจอันเท่าเทียม แต่ดูเหมือนว่า ปัญหาคอร์รัปชันจะหยั่งรากลึกมานานในเนปาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการนักการเมือง
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีการเปิดเผยดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน หรือ CPI ซึ่งเป็นดัชนีที่ตีพิมพ์ทุกปีโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ผลปรากฏว่าเมื่อปี 2024 เนปาลติดอันดับที่ 107 จากทั้งหมด 180 ประเทศและดินแดน
โดยเนปาลได้คะแนน 34 คะแนนจาก 100 คะแนนในปี 2024 ลดลงหนึ่งคะแนนจากเมื่อปี 2023
องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจะให้คะแนน 0 ถึง 100 โดย 0 หมายถึงมีการคอร์รัปชันมากที่สุด ส่วน 100 หมายถึงมีการคอร์รัปชันน้อย โดยประเทศที่มีคะแนนต่ำกว่า 50 จะถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันสูง
ขณะที่ไทยก็ได้ 34 คะแนนเท่ากับเนปาลในปี 2024 ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 107 เช่นกัน
ที่มา Aljazeera