สำนักข่าว Financial Times ของอังกฤษ ได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ “ราชาแห่งกัญชา ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนใหม่” บทความดังกล่าวเขียนโดย โอเวน วอล์คเกอร์ ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจชาวอังกฤษประจำสิงคโปร์ และ อีไล เมกซ์เลอร์ บรรณาธิการข่าวประจำภูมิภาคเอเชีย ทั้งคู่จะเรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูลว่าเป็น “ราชาแห่งกัญชา” หรือ King of Cannabis เนื่องจากขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย
Financial Times ระบุว่า นายกฯ ไทยคนใหม่นี้ มาจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นนักอนุรักษ์นิยมและผู้จงรักภักดีอย่างแรงกล้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กำหนดอำนาจทางการเมือง (kingmaker) ของไทยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจากการสนับสนุนการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย ในบทความดังกล่าวยังเผยแพร่รูปภาพที่นายอนุทินยืนอยู่ในคลินิกกัญชา เพื่อร่วมงานเป็นเปิดตัวคลินิกกัญชาในปี 2020
BBC อีกหนึ่งสำนักข่าวใหญ่ของอังกฤษ เรียกนายอนุทินว่าเป็น “เจ้าพ่อธุรกิจ” หรือ Business Tycoon ภายใต้พาดหัวข่าวว่า “ไทยแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ในรอบ 2 ปี” ซึ่งบทความดังกล่าวเขียนโดยโจนาธาน เฮดบีบีซี นิวส์ กรุงเทพฯและโจเอล กินโตบีบีซี นิวส์ สิงคโปร์ ในเนื้อข่าวกล่าวถึงการเมืองอันร้อนระอุของประเทศไทยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงการที่แพทองธาร ชินวัตรถูกโค่นลงจากตำแหน่ง และนายทักษิณ ชินวัตรที่อ้างว่าพยายามบินมุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์เพื่อการรักษา แต่การถูกสกัดจากเจ้าหน้าที่ ทำให้มีอันต้องเปลี่ยนแผนไปดูไบ
อนุทินมาจากครอบครัวนักการเมืองที่ร่ำรวย บิดาของเขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง และก่อตั้งธุรกิจก่อสร้างของครอบครัว โดยสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ซึ่งเป็นสถานที่ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี อนุทินเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เปลี่ยนกฎหมายกัญชาของไทยให้เสรีมากขึ้นเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในปี 2565 เขาเป็นนักบินผู้กระตือรือร้น และเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัว 3 ลำ
ส่วนหนึ่งของบทความได้เขียนว่า “อนุทิน วัย 58 ปี เป็นนักการเมืองและนักเจรจาต่อรองที่มีประสบการณ์ ซึ่งในอดีตไม่เคยปิดบังความต้องการตำแหน่งสูงสุด เขาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่อาจคาดหวังว่าน่าจะได้ในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้” นอกจากนี้ ยังเขียนถึงพรรคการเมืองของอนุทินว่า พรรคภูมิใจไทยมีชื่อเสียงในเรื่องความไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ และในอดีตเคยเป็นพันธมิตรกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ และล่าสุดเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย
สำหรับสำนักข่าว CNN จากฝั่งของสหรัฐฯ ไม่ได้เขียนถึงประเด็นการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไทยเป็นหลัก แต่ชูความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปดูไบ ไม่กี่วันก่อนศาลมีคำตัดสินว่าเขาอาจถูกจำคุก แต่ในส่วนหนึ่งของบทความก็ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับนายอนุทิน โดยเฮเลน เรแกน นักข่าวอาวุโส และคุณกชกร เจริญทรัพย์โอฬาร ผู้สื่อข่าวชาวไทย เรียกเขาว่า “อดีตเจ้าพ่อวงการก่อสร้าง” หรือ A former construction tycoon
บทความระบุว่า นายอนุทิน วัย 58 ปี อดีตเจ้าพ่อวงการก่อสร้าง เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และในบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นผู้นำในการทำให้กัญชาเสรีในประเทศไทย และกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ทำเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม บทความได้เขียนถึงการสนับสนุนของพรรคประชาชนที่ยกมือโหวตในนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พันธมิตรอาจเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเนื่องจากอนุทินมีแนวโน้มไปทางฝ่ายกษัตริย์นิยม และก่อนหน้านี้ เขาเคยปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพรรคประชาชนที่จะปฏิรูปกฎหมายมาตรา 112 พรรคภูมิใจไทยยังได้ยื่นฟ้องต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งส่งผลให้เขาถูกสั่งห้ามเล่นการเมือง 10 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์สที่มีเครือข่ายทั่วโลก รายงานข่าวการเมืองไทยเช่นกัน ในบทความที่ชื่อว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล ชนะเลือกตั้งนายกฯ หลังเอาชนะคู่แข่งพรรครัฐบาล” เขียนโดยสองผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สชาวไทย ในบทความนี้ ระบุว่า นายอนุทินเป็น “นักเจรจาผู้หลักแหลม” หรือ shrewd dealmaker เขาเป็นกำลังหลักในแวดวงการเมืองไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่ามกลางความวุ่นวาย โดยนำพาพรรคภูมิใจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีกลยุทธ์
บทความอ้างถึง วิกฤตของพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน เมื่อนายอนุทินเดินเกมพาภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทำให้รัฐบาลผสมยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ด้วยเสียงข้างมากเพียงน้อยนิด ท่ามกลางการประท้วงและคะแนนนิยมที่ลดลง
การที่เขาเอาชนะคู่แข่งอย่าง ชัยเกษม นิติสิริ ถือเป็นความอับอายของพรรคเพื่อไทย ในการยกมือโหวตที่สภาฯ อนุทินทำคะแนนนำ ตั้งแต่เริ่มต้นและคว้าคะแนนเสียงไปได้ 63% เป็นสองเท่าของคู่แข่ง