สำนักข่าว CNN รายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 กันยายน) ผู้พิพากษาสหรัฐฯ ตัดสินให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชนะ หลังรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งตัดงบรัฐบาลที่ช่วยสนับสนุนการวิจัยกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยชี้ว่า การระงับงบประมาณดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ผู้พิพากษาอัลลิสัน เบอร์โรส์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เขียนไว้ว่า เมื่อพิจารณาจากบันทึกทางปกครองแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะสรุปไปในทางอื่น นอกเหนือจากว่าจำเลยได้ใช้ข้อกล่าวหาเรื่องการต่อต้านชาวยิวเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อโจมตีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอย่างมีเป้าหมายและด้วยแรงจูงใจทางอุดมการณ์
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าวได้ทำลายงานวิจัยที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ และส่งผลกระทบต่อสวัสดิการของผู้ที่ควรจะได้รับประโยชน์จากงานวิจัยนั้น อีกทั้งยังสะท้อนถึงการเพิกเฉยต่อสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของรัฐบาลกลาง
คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่ถูกรัฐบาลทรัมป์ตัดงบและเลือกที่จะต่อสู้กับทำเนียบขาวโดยตรงในชั้นศาล โดยทางรัฐบาลทรัมป์ได้โต้เถียงว่า กำลังพยายามปราบปรามการต่อต้านยิวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยดังกล่าว แต่การต่อสู้ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไปไกลกว่านั้น เพราะที่นี่กลายมาเป็นศูนย์กลางการเรียกร้องในหลายเรื่อง ทั้งเสรีภาพเชิงวิชาการ งบประมาณภาครัฐ และการกำกับดูแลวิทยาลัยเขต
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์เตรียมยื่นอุทธรณ์ โดยโฆษกทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN เมื่อวานนี้ว่า ผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งในยุคโอบามามักจะตัดสินเข้าข้างฮาร์วาร์ด และเมื่อมองจากมุมมองผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง เห็นชัดเจนว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดล้มเหลวที่จะปกป้องนักศึกษาจากการคุกคามและเปิดให้มีการเลือกปฏิบัติมานานหลายปี
ส่วนในแถลงการณ์ของฮาร์วาร์ดที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ อลัน การ์เบอร์ ประธานฮาร์วาร์ดเปิดเผยว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นการยืนยันข้อโต้แย้งของเราในการปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ และหลักการพื้นฐานของการศึกษาระดับอุดมศึกษาของสหรัฐฯ แต่ก็ยอมรับว่ามีความไม่แน่นอนอยู่ข้างหน้า และจะติดตามการตัดสินต่อไป
ผู้พิพากษาเบอร์โรส์ได้ชี้ว่า งานวิจัยหลายโครงการได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลตัดงบ รวมถึงความพยายามสร้างแบบจำลองคาดการณ์เพื่อช่วยแพทย์ฉุกเฉินของกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก (Department of Veterans Affairs) พิจารณาว่าทหารผ่านศึกที่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตายควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่, การวิจัยเกี่ยวกับโรคลู เกอร์ริก (Lou Gehrig’s Disease), การพัฒนาชิปสำหรับวัดการรับรังสีของนักบินอวกาศนาซาในการสำรวจดวงจันทร์ครั้งต่อไป และการสนับสนุนโครงการรัฐบาลเกี่ยวกับภัยทางชีวภาพอุบัติใหม่
เมื่อเงินทุนดังกล่าวถูกระงับเอาไว้ ไม่มีการสอบสวนว่า ห้องปฏิบัติการวิจัยของฮาร์วาร์ดดมีพฤติกรรมต่อต้านชาวยิว มีพนักงานเป็นชาวยิว ดำเนินงานโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวยิว หรือกำลังวิจัยประเด็นหรือโรคที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชาวยิวหรือไม่ ซึ่งหมายความว่าการระงับเงินทุนเหล่านี้อาจส่งผลเสียและมีแนวโน้มที่จะทำร้ายกลุ่มคนที่จำเลยอ้างว่ากำลังปกป้องอยู่