หลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทยพ้นจากตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่ศาลสั่งให้เธอหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 1 ก.ค. 68 ทางสื่อกัมพูชาอย่าง Khmer Times ได้ยกประเด็นความสงสัยขึ้นมาว่า ข้อตกลงการค้าและความร่วมมือทั้ง 7 ฉบับที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาลงนามร่วมกันเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินการได้ต่อเนื่องหรือไม่
ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยและคณะ ได้มีการลงนามในข้อตกลงและเอกสารสำคัญต่างๆ จำนวน 7 ฉบับร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน รวมถึงขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งข้อตกลงทั้ง 7 ฉบับมีรายละเอียดดังนี้
นักวิเคราะห์เตือนว่า ความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทย ประกอบกับความตึงเครียดบริเวณชายแดน อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน ขัดขวางการค้า และสร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนที่พึ่งพาข้อตกลงที่ลงนามเมื่อปลายเดือนเมษายน
นายซุน สม นักวิเคราะห์นโยบายจากราชวิทยาลัยกัมพูชา (RAC) ให้สัมภาษณ์กับ Khmer Times ว่า แม้ว่านายแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย จะถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว แต่บันทึกความเข้าใจและข้อตกลงทั้ง 7 ฉบับจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
เขากล่าวว่า “ข้อตกลงเหล่านี้ทำขึ้นระหว่างกัมพูชาและไทย ไม่ได้ทำกับบุคคลใด และคาดว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะดำเนินการปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้ต่อไป” อย่างไรก็ตาม โครงการต่าง ๆ ในขณะนี้ได้หยุดชะงักลง เนื่องจากเหตุความขัดแย้งของสองประเทศ จนเกิดเป็นการปะทะรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
นักวิเคราะห์นโยบายคนดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในข้อตกลงทั้งเจ็ดฉบับควรดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ เพราะ ข้อตกลงเหล่านี้เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของแต่ละรัฐไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อข้อตกลงเหล่านี้ เว้นแต่รัฐบาลทั้งสองจะตัดสินใจเป็นอย่างอื่น