รัฐบาลเมียนมาออกแถลงการณ์ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 68 ระบุว่า พลเอก มินต์ ส่วย รักษาการแทนประธานาธิบดีเมียนมาได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเวลา 8.28 น. ของเช้าวันนี้ ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาลที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา จึงประกาศให้ทราบทั่วกันว่า พิธีศพของรักษาการประธานาธิบดีจะจัดขึ้นอย่างสมเกียรติในฐานะรัฐพิธี
ทั้งนี้ พลเอกมินต์ ส่วย จากไปในวัย 74 ปี หลังจากลาออกด้วยเหตุผลทางสุขภาพเป็นเวลา 1 ปีเต็ม สื่อของรัฐรายงานเมื่อวันพุธว่า มินต์ ส่วย มีอาการน้ำหนักลด เบื่ออาหาร มีไข้ และความสามารถในการรู้คิดลดลง และกำลังเข้ารับการรักษาในห้องหอพักผู้ป่วยวิกฤต
ก่อนหน้านี้ มีรายงานระบุว่า มินต์ ส่วย เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลเมาท์เอลิซาเบธในสิงคโปร์ในช่วงปี พ.ศ. 2567 เพื่อรักษาอาการเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันและอาการทางระบบประสาทอื่นๆหลังจากนั้น เขาก็กลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลทหารในเมียนมา ก่อนที่สุขภาพจะทรุดลงอย่างต่อเนื่องและเสียชีวิตในที่สุด
ทั้งนี้ พลเอกมินต์ ส่วย ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีของเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 จนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 และได้ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ และอนุญาตให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเมียนมา เข้ารับตำแหน่งแทน
พล.อ. มินต์ ส่วยเริ่มต้นอาชีพทหารหลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2514 เขาเติบโตในตำแหน่งต่าง ๆ และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้บัญชาการภูมิภาคย่างกุ้ง ในปี พ.ศ. 2544 ในปี พ.ศ. 2559 เขาได้รับการเสนอชื่อจากสมาชิกสภาที่มาจากการแต่งตั้งของทหารให้เป็นหนึ่งในรองประธานาธิบดีของเมียนมา และได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง ขาทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีเป็นเวลาสั้นๆ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 หลังจากประธานาธิบดี ตีน จอ (Htin Kyaw) ลาออก
ภายหลังการรัฐประหารที่นำโดย พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ซึ่งโค่นล้มรัฐบาลของ อดีตประธานาธิบดีวิน มินต์ และ นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ทั้งคู่ถูกจับกุมในระหว่างการรัฐประหาร และถูกควบคุมตัวมาถึงปัจจุบัน ในขณะนั้น พลเอก มินต์ ส่วย ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอยู่ ได้ถูกประกาศให้เป็น รักษาการประธานาธิบดี
เมียนมาตกอยู่ในความวุ่นวายตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร ซึ่งได้ผลักดันให้ประเทศแห่งนี้เข้าสู่สภาวะสงครามกลางเมือง โดยกองทัพกำลังพยายามปราบปรามกลุ่มกบฏ และถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่าง แต่กองทัพได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
มินต์ ส่วย เคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีภายใต้ระบบกึ่งพลเรือนของเมียนมาก่อนที่จะกลายเป็นประธานาธิบดีหุ่นเชิด รัฐบาลทหารต้องพึ่งพาเขาในการลงนามในคำสั่งต่าง ๆ และเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความชอบธรรมในการปกครอง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศที่ประกาศไว้ในช่วงการยึดอำนาจ พร้อมประกาศแผนการจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม เพื่อเป็นทางออกสำหรับความขัดแย้งที่กำลังกัดกินประเทศ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งมอบอำนาจจากสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งมีพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นผู้ครอบครอง กลับคืนสู่สำนักงานประธานาธิบดี ซึ่งพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็ดำรงตำแหน่งอยู่เช่นกัน อำนาจจึงไม่ได้กลับคืนสู่ประชาชนอย่างแท้จริง
กลุ่มต่อต้านได้ประกาศว่า จะคว่ำบาตรการเลือกตั้งดังกล่าว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติได้กล่าวในเดือนมิถุนายนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น "การฉ้อฉล" ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการปกครองของรัฐบาลทหารต่อไป ทั้งนี้ ยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอน