Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จับกระแสเลือกตั้งเมียนมา 2568-2569

จับกระแสเลือกตั้งเมียนมา 2568-2569

30 พ.ย. 68
22:44 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

  • การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วประเทศในวันเดียว แต่รัฐบาลเนปิดอว์ได้แบ่งเวลาเลือกตั้งออกเป็น 3 ขยัก
  • ด้วยภาวะที่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามกลางเมือง หากแต่นายพลมินอ่องหล่าย ก็กลับมีเป้าหมายที่ต้องการจะเปลี่ยนผ่านการเมืองให้ได้ จึงเกิด 2 ฉากทัศน์ใหญ่ (Big Scenarios)

รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศจัดเลือกตั้งห้วงปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า โดยมีโรดแมป (Roadmap) 6 ห้วงเวลาหลัก ได้แก่

1. การเลือกตั้งรอบแรก 28 ธันวาคม 2568

2. การเลือกตั้งรอบที่สอง 11 มกราคม 2569

3. การเลือกตั้งรอบที่สาม 25 มกราคม 2569

4. ประกาศผลเลือกตั้ง ภายใน 90 วันหลังการเลือกตั้ง

5. การเปิดประชุมรัฐสภา เดือนกุมภาพันธ์ 2569 และ

6. การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ 1 เมษายน 2569 (ตรงกับวันเริ่มต้นวงจรงบประมาณใหม่)

ทั้งนี้ จะมีการจัดเลือกตั้งครอบคลุม 267 เมือง จากทั้งหมด 330 เมือง (Township) คิดเป็น 80% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีพื้นที่ยกเว้นอีก 63 เมืองที่รัฐบาลทหารประเมินดูแล้วไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ลงคะแนนตามกรอบรัฐธรรมนูญ ปี 2551 ก็ไม่ได้ระบุเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ นั่นหมายความว่า แม้จะมีผู้มาลงคะแนนเพียงน้อยนิด การเลือกตั้งยังถือว่าสมบูรณ์ตามกฎหมาย ฉะนั้น การรณรงค์คว่ำบาตรเลือกตั้งหรือไม่ลงคะแนนเสียงของฝ่ายต่อต้านจึงไม่ส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วประเทศในวันเดียว แต่รัฐบาลเนปิดอว์ได้แบ่งเวลาเลือกตั้งออกเป็น 3 ขยัก เพื่อทยอยรวบรวมคะแนนเสียงทีละครั้งจนเบิกทางไปสู่การเปิดรัฐสภาและเลือกประธานาธิบดีในอันดับถัดไป

รัฐสภาส่วนกลางของเมียนมา มีจำนวน ส.ส. ทั้งสิ้นไม่เกิน 664 คน แบ่งเป็นสมาชิกสภาประชาชน 440 คน (มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจาก 330 เมือง และ มาจากนายทหารที่ได้รับการคัดเลือกเสนอชื่อจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีก 110 คน) กับสมาชิกสภาชนชาติอีก 224 คน (มาจากการเลือกตั้งในรัฐและภาคทั้ง 14 แห่ง รวม 168 ที่นั่ง และมาจากนายทหารที่ถูกคัดเลือกเสนอชื่อจาก ผบ.ทสส. อีก56 ที่นั่ง) จากโครงสร้างดังกล่าว กองทัพเมียนมาซึ่งมี ส.ส. ทหารอยู่ในสังกัดรวม 166 คน หรือ 25% ของ จำนวน ส.ส.ในสภาแห่งชาติ พร้อมมี “Connection” ต่อติดกับพรรคสหสามัคคีและการพัฒนาสหภาพ หรือ พรรค USDP (Union Solidarity and Development Party) (ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดในการเลือกตั้งครานี้) จึงมีโอกาสสูงที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกประธานาธิบดีคนใหม่อันจะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลและเริ่มงานบริหารประเทศ

2 ฉากทัศน์ใหญ่ของเมียนมา

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะที่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามกลางเมือง หากแต่นายพลมินอ่องหล่าย ก็กลับมีเป้าหมายที่ต้องการจะเปลี่ยนผ่านการเมืองให้ได้ จึงเกิด 2 ฉากทัศน์ใหญ่ (Big Scenarios) ที่เกี่ยวพันกับทั้งยุทธศาสตร์การเมืองของทหารเมียนมาและลักษณะความขัดแย้งในรัฐเมียนมาหลังรัฐประหาร ดังนี้

1.ทหารเมียนมาเปลี่ยนผ่านการเมืองได้สำเร็จโดยสร้าง "ประชาธิปไตยที่กำลังจะเบ่งบานอย่างมีระเบียบวินัย" (Discipline-Florishing Democracy) ขึ้นมา ซึ่งเป็นโมเดลที่นายพลตานฉ่วยเคยจัดเลือกตั้งในปี 2553จนทำให้พรรค USDP จัดตั้งรัฐบาลใหม่ในต้นปี 2554 โดยมีนายพลเต็งเส่งรั้งตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมเดินหน้าปฏิรูปการเมืองในวงกว้าง ทว่า การเลือกตั้งห้วงปลายปี 2568 – ต้นปี 2569 ย่อมมีเงื่อนไขการเมืองบางอย่างที่แตกต่างจากยุคตานฉ่วย-เต็งเส่ง อันมีผลให้การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ต้องเผชิญกับฉากทัศน์แยกย่อยอีกอย่างน้อย 2 ส่วน ได้แก่

1.1. นายพลมินอ่องหล่าย ไม่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีโดยตรง แต่ยังรั้งตำแหน่ง ผบ.ทสส. อยู่ หรือ เลือกนายทหารที่ไว้วางใจขึ้นกุมตำแหน่งแทน โดยปล่อยให้รัฐบาลพรรค USDP (ที่อาจไปรวมกับพรรคขนาดกลางอื่นๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม) เข้าบริหารประเทศ พร้อมนำโมเดลปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลเต็งเส่งห้วง 2554-2559 มาปรับประยุกต์ใช้ในการปกครองรัฐ รูปการณ์นี้อาจเปิดโอกาสให้มีกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลางที่มินอ่องหล่ายควบคุมได้มากขึ้น พร้อมเอื้อหนุนให้เกิดการเปิดเสรีทางการเมืองและลดแรงขัดแย้งระหว่างทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้านลงได้บางส่วน

1.2.นายพลมินอ่องหล่ายเดินเกมโหวตเลือกประธานาธิบดีแบบเข้มข้น จนทำให้ตัวเองเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งจะทำให้มินอ่องหล่ายมีสถานะเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้าฝ่ายบริหาร แถมยังวางกลไกกุมสายบังคับบัญชาในกองทัพต่อไป ในรูปการณ์นี้ มินอ่องหล่ายย่อมสัมฤทธิ์ผลในการใช้การเลือกตั้งเพื่อดันตนเองขึ้นควบคุมอำนาจรัฐ แต่จะทำให้นานาชาติและประชาชนเมียนมาไม่พอใจ จนกระตุ้นให้ฝ่ายต่อต้านจับอาวุธขึ้นต้านทหารเมียนมาแบบดุเดือดอีกและก็มีแนวโน้มที่หลายประเทศจะกดดันคว่ำบาตรเมียนมาเพิ่มขึ้น

2. ทหารเมียนมาเปลี่ยนผ่านการเมืองไม่สำเร็จ โดยอาจมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น

2.1.ทหารเมียนมายังคงต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านแบบยึดเยื้อต่อไป โดยฝ่ายต่อต้านเคลื่อนพลเข้ายึดเมืองต่างๆมากขึ้น จนสร้างความยากลำบากต่อทหารเมียนมาในการจัดเลือกตั้งในหลายเขต หรือ

2.2.ฝ่ายรัฐบาลเอกภาพชาติ NUG (National Unity Government) พร้อมพันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เร่งระดมทรัพยากรในด้านต่างๆ จนสามารถขยายเขตปลดปล่อย (Liberated Zone) แล้วยึดเมืองใหญ่อย่างมัณฑะเลย์หรือมะเกวไว้ได้ จากนั้นจึงสถาปนาเขตเมืองหลวงหรือศูนย์บริหารราชการแผ่นดินแห่งใหม่ เพื่อให้เกิดศูนย์อำนาจที่ขึ้นแข่งขันกับรัฐบาลทหารที่เนปิดอว์

ในการนี้ รัฐบาล NUG จะมีสถานะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่ชอบธรรมขึ้นเพราะสามารถตั้งรัฐบาลแข่งกับมินอ่องหล่ายในเขตอธิปไตยของเมียนมาได้ซึ่งจะส่งผลให้ NUG แปลงรูปจากรัฐบาลพลัดถิ่นเข้าสู่รัฐบาลแห่งชาติพร้อมได้รับการรับรองจากนานาชาติมากขึ้นและสามารถสะกัดเกมเลือกตั้งของมินอ่องกล่ายเนื่องจากสงครามกลางเมืองได้วิวัฒน์เข้าสู่ภาวะของการมีดวงตะวันแห่งรัฎฐาธิปัตย์ถึงสองดวง โดยฝ่ายต่อต้านยึดครองเมืองเพิ่มอีกหลายแห่งพร้อมตั้งเมืองหลวงใหม่เบียดขับกับเนปิดอว์จนกีดขวางเส้นทางเลือกตั้งตามแผนการของทหารเมียนมาได้สำเร็จ กระนั้นก็ดี ด้วยข้อจำกัดด้านทรัพยากรการเมืองและการทหารของฝ่ายต่อต้าน ณ เวลานี้ บวกกับกำลังทหารของกองทัพเมียนมาที่กล้าแข็งขึ้น (มิพักต้องกล่าวถึงความช่วยเหลือจากมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียที่มีต่อกองทัพเมียนมาในอีกหลายมิติ) จึงทำให้ฉากทัศน์นี้มีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็ใช่ว่าจักเป็นไปไม่ได้เลย จึงควรติดตามเฝ้าดูสถานการณ์กันต่อไป

แน่นอน คงมีฉากทัศน์อื่นๆที่ส่งผลต่อรัฐและสังคมเมียนมา (ซึ่งผู้เขียนยังไม่ได้ยกมา ณ ที่นี้) แต่ทว่า สำหรับรัฐไทยแล้ว การเปลี่ยนผ่านในรัฐเพื่อนบ้านฟากตะวันตกกำลังก่อรูปขึ้นและเตรียมรุกกระทบเข้าไทยในระยะประชิดอีกครา

รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช

รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช

นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์

แชร์
จับกระแสเลือกตั้งเมียนมา 2568-2569