ทำไมรัฐบาลเมียนมากวาดล้างสแกมเมอร์ล่าสุด โดนกดดันหรือแย่งผลประโยชน์?
สำนักข่าว CNA รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาออกมาเปิดเผยว่า ได้ทำลายอาคารเกือบ 150 แห่ง ในปฏิบัติการปราบปรามแหล่งสแกมเมอร์ออนไลน์ ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนติดกับประเทศไทย โดยศูนย์หลอกลวงออนไลน์เหล่านี้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองทำให้รัฐบาลทหารสูญเสียอำนาจในการปกครองในหลายพื้นที่ โดยศูนย์หลอกลวงเหล่านั้นจะพุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ทำทีเข้าไปชักชวนทำธุรกิจ หรือบ้างก็ใช้วิธีที่เรียกว่า “โรแมนซ์สแกม” หรือการหลอกให้ตกหลุมรักแล้วหลอกเงินตามมา ซึ่งการหลอกลวงเหล่านี้สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในทุกปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รายงานระบุว่า มีแรงงานจำนวนมากที่ถูกล่อลวงมาให้ทำงานดังกล่าว แต่แรงงานบางส่วนก็เต็มใจมา โดยศูนย์หลอกลวงเหล่านั้นมักตกแต่งอย่างหรูหราสำหรับระดับ “บอส” และพนักงาน ซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงลิ่ว
เมื่อเดือนที่แล้ว กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศปฏิบัติการกวาดล้างศูนย์หลอกลวงออนไลน์ใน “เคเคปาร์ค” โดยพบแรงงานที่มาทำงานเป็นสแกมเมอร์มากกว่า 2,000 คน และยังพบว่า มีประชาชนกว่า 1,500 คนไหลทะลักหลบหนีข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศไทยด้วย
หนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar รายงานอ้างรัฐบาลทหารเมียนมาว่า สำหรับการกวาดล้างรอบนี้ พบอาคารของแก๊งสแกมเมอร์จำนวน 148 แห่ง ซึ่งมีทั้งที่เป็นอาคารหอพัก โรงพยาบาล และศูนย์คาราโอเกะ โดยทำลายไปแล้ว 101 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 47 แห่งอยู่ระหว่างกระบวนการทำลาย
ด้านสำนักข่าว AFP เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าข้ออ้างดังกล่าวของรัฐบาลทหารเมียนมาเป็นความจริงหรือไม่ แต่ชาวบ้านท้องถิ่นในเมียนมาและบริเวณริมชายแดนประเทศไทยแจ้งว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวนับตั้งแต่กองทัพลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเปิดปฏิบัติการ
ทางการจีนกดดันให้เร่งปราบปราม
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การบุกทลายของรัฐบาลทหารเมียนมามีแนวโน้มเป็นเพียงปฏิบัติการจำกัดวง จัดฉาก และตั้งใจเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อสร้างภาพว่ากำลังปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ แต่ในความเป็นจริง กองทัพต้องเดินบนเส้นบาง ๆ ระหว่างการลดแรงกดดันกับการไม่กระทบผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนมากเกินไป
แม้จีนจะเป็นพันธมิตรทางทหารรายสำคัญของรัฐบาลทหารเมียนมา แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปักกิ่งเริ่มไม่พอใจมากขึ้นต่อการหลอกลวงออนไลน์ที่ระบาดและมีเป้าหมายเป็นชาวจีนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม หากกองทัพเมียนมาปราบปรามอย่างเข้มงวดเกินไป ก็อาจกระทบต่อรายได้ที่หล่อเลี้ยงกองกำลังติดอาวุธท้องถิ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัฐบาลทหารในสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2021
รัฐบาลทหารเพียงต้องการแย่งชิงผลประโยชน์
สำนักข่าวเอบีซีของออสเตรเลียตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า เหตุใดรัฐบาลทหารเมียนมาจึงต้องลำบากถึงขั้นส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิด “เคเคปาร์ค” โดยมองว่า นี่อาจจะเป็นการช่วงชิงผลประโยชน์อย่างหนึ่ง
นายเจสัน ทาวเวอร์ นักวิเคราะห์ แห่ง Global Initiative Against Transnational Organized Crime ผู้ติดตามสถานการณ์เมียนมา มองว่า กองทัพเมียนมาทราบดีว่า ธุรกิจหลอกลวงเหล่านี้ทำกำไรได้มหาศาล และพวกเขาก็รู้ว่าเจ้าพ่อในกัมพูชามีทรัพย์สินในรูปสกุลเงินคริปโตกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ดังนั้นกองทัพจึงพยายามต่อรองเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งที่มากขึ้น และในกรณีของเคเคปาร์ค แก๊งหลอกลวงไม่ยอมจ่ายเพิ่มให้ กองทัพจึงตัดสินใจเข้ายึดพื้นที่เอง
นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่แยบยลของรัฐบาลทหาร ภายนอกดูเหมือนว่ากำลังให้ความร่วมมือต่อแรงกดดันจากนานาชาติ แต่ภายในกลับเป็นการรีดไถผลประโยชน์เพิ่มเติมจากศูนย์หลอกลวงที่ตนเองแสดงท่าทีว่าจะปราบปราม
