Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ฮุน มาเนตเดินเกมปฏิรูป! สั่งบังคับเกณฑ์ทหาร อ้างต้องป้องกันประเทศ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ฮุน มาเนตเดินเกมปฏิรูป! สั่งบังคับเกณฑ์ทหาร อ้างต้องป้องกันประเทศ

15 ก.ค. 68
12:14 น.
แชร์

ฮุน มาเนต ลั่นปฏิรูปกองทัพ

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ประกาศว่ากฎหมายบังคับเกณฑ์ทหารของกัมพูชาจะมีผลบังคับใช้จริงในปี พ.ศ. 2569 หลังจากที่กฎหมายนี้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ไม่เคยถูกนำมาปฏิบัติใช้จริงกับชาวกัมพูชาเลย ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนทหารและทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนทหาร

นายฮุน มาเนต กล่าวในพิธีเปิดอาคารศูนย์ฝึกอบรมตำรวจทหารพนมชุม เซน ริกะเรย เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี วันตำรวจทหาร ในจังหวัดกำปงชนัง ว่า “ตั้งแต่ปีพ.ศ.2569 เป็นต้นไป กฎหมายเกณฑ์ทหารจะมีผลบังคับใช้ นี่คือพันธสัญญาของเรา”

แม้ว่ากฎหมายการเกณฑ์ทหารจะประกาศใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 แต่ก็ยังไม่มีการบังคับใช้ในทางปฏิบัติ ด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมก่อนการบังคับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายระยะเวลาการเกณฑ์ทหารจาก 18 เดือนเป็น 24 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติในหลายประเทศ พร้อมอธิบายว่าระยะเวลา 18 เดือนนั้นสั้นเกินไปสำหรับการฝึกอบรมและการระดมพลอย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลกัมพูชามองว่า กฎหมายดังกล่าวจะมีไว้เพื่อจุดประสงค์หลักสองประการ คือ เพิ่มจำนวนทหารที่ได้รับการฝึกฝนและปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพ โดยนายฮุน มาเนต กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งสำคัญคือประสิทธิภาพของทหาร ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องผ่านการฝึกอบรมสองปี หลังจากนั้นพวกเขาอาจอาสาเป็นทหารต่อไป หรือกลับคืนสู่สังคมในฐานะบุคคลที่มีวินัยและผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี” ทั้งนี้ การรับราชการทหารจะสร้างกลุ่มบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งสามารถเรียกตัวมาปฏิบัติหน้าที่ได้ในยามจำเป็นของประเทศอีกด้วย

รวบเสียงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

นายเสือน สัม นักวิเคราะห์นโยบายจากราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา สนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยกล่าวว่าการเกณฑ์ทหารเป็นสิ่งจำเป็นและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าการบังคับใช้กฎหมายนี้ต้องมีความเป็นธรรมและโปร่งใส พร้อมระบุว่า “เพื่อให้การรับราชการทหารมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใสคือกุญแจสำคัญ พลเมืองทุกคน ไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมหรือเศรษฐกิจอย่างไร จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรเลือกเฉพาะบุตรของพลเมืองธรรมดา ขณะที่บุตรของผู้มีอำนาจได้รับการยกเว้น”

เขาเตือนว่าความไม่เท่าเทียมเช่นนี้จะบั่นทอนความไว้วางใจของประชาชนและขัดขวางการมีส่วนร่วม เพราะการดำเนินการอย่างเป็นธรรม เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ประชาชนมองว่าการรับราชการทหารเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของชาติ

แขมร์ไทม์ส สื่อกัมพูชายังได้เขียนข่าวว่าประชาชนชาวกัมพูชาให้การสนับสนุนกับการบังคับใช้กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหาร โดยในเนื้อข่าวระบุว่าคนหนุ่มสาวชาวกัมพูชาหลายคนสนับสนุนการประกาศดังกล่าวโดยเยาวชนจากจังหวัดกำปงชนัง แสดงความยินดีกับการตัดสินใจครั้งนี้ โดยกล่าวว่าขณะนี้ประเทศพร้อมที่จะเสริมสร้างการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอก 

ขณะที่ เออ ซินา ผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชนรุ่นใหม่ในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า การฝึกทหารจะช่วยส่งเสริมวินัย ความเป็นผู้ใหญ่ และความรับผิดชอบในหมู่เยาวชน คนหนุ่มสาวอายุ 18 ถึง 30 ปี เปลี่ยนแปลงไปมาก การฝึกทหารจะช่วยให้พวกเขามีสมาธิมากขึ้น และมีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ

ทั้งนี้ กฎหมายว่าด้วยการเกณฑ์ทหารในกัมพูชา ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ประกอบด้วย 6 บท 18 มาตรา กำหนดให้ชายชาวกัมพูชาอายุระหว่าง 18 ถึง 30 ปี ต้องเข้ารับราชการทหาร อย่างไรก็ตาม การรับราชการทหารสำหรับผู้หญิงเป็นไปโดยสมัครใจ กฎหมายนี้ยังยกเว้นพระภิกษุและบุคคลที่ถูกพิจารณาว่ามีร่างกายไม่สมบูรณ์

ความแข็งแกร่งของกองทัพกัมพูชา กับปัญหาชายแดนไทย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียด หลังจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดน "สามเหลี่ยมมรกต" ซึ่งเป็นจุดที่พรมแดนของกัมพูชา ไทย และลาวบรรจบกัน ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย เหตุการณ์นี้ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยตึงเครียดขึ้น ซ้ำยังมีปัญหาการแทรกแซงทางการเมือง กรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างฮุน เซน และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ก็ยิ่งทวีความรุนแรงปัญหาดังกล่าว

กองทัพกัมพูชา หรือที่เรียกว่า กองทัพภูมินท์กัมพูชา (Royal Cambodian Armed Forces - RCAF) เป็นกำลังป้องกันประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชา มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงของประเทศ และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเมืองของกัมพูชา กองทัพกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับผู้นำทางการเมือง โดยเฉพาะกับตระกูลฮุน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อกองทัพมาอย่างยาวนาน กองทัพมีบทบาทในการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการรักษาอำนาจของพรรคประชาชนกัมพูชา

ปัจจุบัน กำลังพลประจำการของกองทัพกัมพูชา มีทหารประมาณ 170,300 นาย ส่วนกำลังสำรองมีประมาณ 100,000 นาย กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหารจะช่วยเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้น แต่งบประมาณที่จำกัดทำให้กัมพูชาต้องพึ่งพาการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนและรัสเซีย โดยในปี พ.ศ. 2568 กัมพูชาทุ่มงบประมาณกับกองทัพอยู่ที่770 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น  2.5% ของ GDP

อย่างไรก็ตาม ในปีพ.ศ. 2568 กองทัพกัมพูชาได้รับการจัดอันดับที่ 95 จาก 145 ประเทศทั่วโลกโดย Global Firepower ซึ่งพิจารณาจากปัจจัยกว่า 60 ด้าน เช่น กำลังพล ยุทโธปกรณ์ งบประมาณ และศักยภาพด้านโลจิสติกส์ แต่หากเทียบกับกองทัพไทยแล้ว กองทัพไทย ได้รับการจัดอันดับที่ 25 จาก 145 ประเทศ ในผลสำรวจเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทัพไทยได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่ากองทัพกัมพูชา


แชร์
ฮุน มาเนตเดินเกมปฏิรูป! สั่งบังคับเกณฑ์ทหาร อ้างต้องป้องกันประเทศ