ออเดรย์ อาซูเล ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโก กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบัน ซึ่งช่วยขยายศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อให้การรักษาพยาบาลเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แม้ในพื้นที่ห่างไกล การพัฒนาด้านเกษตรกรรม และยังช่วยเปลี่ยนแปลงนโยบายพัฒนาประเทศ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวก็สร้างความท้าทายรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการเพิ่มช่องว่างของกลุ่มคนที่มีทรัพยากรหรืออุปกรณ์ในการรองรับ และกลุ่มคนที่ยังเข้าไม่ถึงระบบปัญญาประดิษฐ์
องค์การยูเนสโกจึงมองว่า การจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ ใน “การเตรียมพร้อมประชาคมโลกเข้าสู่ยุค AI ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมระบบ AI เพื่อโลกด้วย” ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ริเริ่มจัดทำข้อแนะนำทางจริยธรรมระบบปัญญาประดิษฐ์มาตั้งแต่ปี 2021 และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องบนเวทีประชุมนานาชาติ UNESCO Global Forum on the Ethics of AI
สำหรับปีนี้ การจัดงาน “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยแห่งนี้ จะเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะนำนโยบายเหล่านั้นมาใช้ร่วมกัน ผ่านเครือข่าย ศูนย์ปฏิบัติการธรรมาภิบาล AI หรือ AI Governance Practice Center (AIGPC) เป็นครั้งแรก โดยมีตัวแทนผู้นำประเทศต่าง ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้แต่ตัวแทนจากบริษัทเอกชน ในการประชุมวิชาการครั้งนี้ด้วย เพื่อนำนโยบายเหล่านั้นมาประกาศใช้จริง
ด้านนายกรัฐมตรีแพทองธาร ชินวัตร มาร่วมเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว พร้อมประกาศว่า รัฐบาลไทยจะจัดตั้ง ศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ระดับภูมิภาค AI (AIGPC) เพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่มีจริยธรรม ส่งเสริมการฝึกอบรม และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของยูเนสโก ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลกำลังพัฒนาเครื่องมือติดตามความคืบหน้าเพื่อตรวจสอบว่ารัฐสมาชิกนำข้อเสนอแนะด้าน AI ไปใช้อย่างไร
นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์ไม่ใช่แนวคิดในอนาคตอีกต่อไป แต่กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ของมนุษย์ในปัจจุบัน รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะพยายามทำให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ตามแนวทาง 3 ประการ ได้แก่
ประการแรกขยายผลประโยชน์ของ AI ตั้งแต่การช่วยเกษตรกรบริหารจัดการน้ำ ไปจนถึงการช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย แต่ยังเป็นผู้นำกระจายระบบ AI ไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ และชุมชนที่เปราะบาง ประการที่สอง ป้องกันการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในทางที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือน Deepfakes และเนื้อหาที่สร้างขึ้นด้วย AI ซึ่งคุกคามความไว้วางใจของสาธารณะและระบอบประชาธิปไตย และประการที่สาม พัฒนา AI โดยมีผู้คนเป็นศูนย์กลาง เพื่อสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อการแทนที่ทรัพยากรมนุษย์ด้วยเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อเป้าหมายร่วมกันเหล่านี้ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ซึ่งเริ่มต้นพัฒนาตามแนวทาง 4 ด้าน ดังนี้
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้นำหลากหลายประเทศ มาร่วมแชร์วิสัยทัศน์และมุมมองครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยี นโยบาย และนวัตกรรม พร้อมด้วยกิจกรรมคู่ขนาน (Side Event) จากพาร์ทเนอร์ทั้งไทยและต่างประเทศที่ร่วมกันจัดขึ้น กับงาน “Bangkok AI Week 2025” ภายใต้แนวคิด “AI Powered Nation: Unleashing the Digital Economy for All” และมีกิจกรรมมากมายทั่วกรุงเทพฯ เช่น นิทรรศการเทคโนโลยี AI เวิร์กช็อปการใช้งานจริง เสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดจากนักวิจัยและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ รวมถึงโชว์เคส AI จากบริษัทชั้นนำ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนได้มีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของ AI ที่ทุกคนได้ประโยชน์ไปด้วยกัน