กัมพูชาโต้ไทย ไม่ได้เป็นสวรรค์คอลเซ็นเตอร์ เน้นปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย หลังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงข่าวว่า กัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้านโฆษกของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาแถลงวันนี้ (20 มิถุนายน) ว่า กัมพูชาไม่ใช่ศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมออนไลน์หรือการหลอกลวงทางไซเบอร์ตามที่รัฐมนตรีของไทยกล่าวหา
สำนักข่าวขแมร์ไทม์สรายงานอ้างบทความของ The Bangkok Post ว่า นายประเสิรฐพูดว่า กัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์ในตอนนี้ แต่โฆษกของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาตอบโต้ว่า กัมพูชาไม่ได้เป็นสวรรค์ของอาชญากรรมออนไลน์เหมือนที่ถูกกล่าวหา และกัมพูชากำลังทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และอาชญากรรมระหว่างประเทศอื่น ๆ
ไทยแถลงปิดด่านแล้วสถิติอาชญากรรมออนไลน์ลดลง
ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงความคืบหน้ามาตรการสกัดกั้นอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยระบุว่าหลังจากที่ไทยดำเนินการปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา พบว่าสถิติอาชญากรรมออนไลน์มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายประเสริฐกล่าวว่า “อย่างที่ทุกท่านทราบดี กัมพูชากำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในฐานะศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเบื้องหลังของขบวนการต้มตุ๋นออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งใช้แรงงานที่มาจากขบวนการค้ามนุษย์นั้น มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างรัฐและชนชั้นปกครองระดับสูงในประเทศเพื่อนบ้าน”
ทั้งนี้ หนึ่งในรายงานสำคัญจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้ให้รายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการฉ้อโกงออนไลน์ ซึ่งรวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย
รายงานยังระบุพิกัดของศูนย์ปฏิบัติการของมิจฉาชีพหลายแห่ง โดย “เมืองปอยเปต” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ถูกชี้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam Centres) ที่มีบทบาทเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 80 ของรายได้ที่เกิดจากกิจกรรมเหล่านี้
การปิดด่านของฝ่ายไทยจึงไม่เพียงแต่เป็นมาตรการด้านความมั่นคง หากยังสะท้อนถึงความพยายามในการตัดวงจรอาชญากรรมที่พัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์และการเอารัดเอาเปรียบแรงงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในโลกออนไลน์ของประชาชน
