สื่อเขมรวิจารณ์นายกฯ ไทยแรง จัดการปัญหาภายในไม่ได้ คุมทหารก็ไม่ได้
กลายเป็นประเด็นร้อนระหว่างสองประเทศ ไทยและกัมพูชา หลังมีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทย และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาหลุดออกมา โดยเกิดกระแสไม่พอใจกับท่าทีของนายกฯ ไทย แต่ขณะเดียวกันในกัมพูชา ประชาชนกลับออกมาแสดงท่าทีพอใจ โดยโพลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของกัมพูชาพบว่า ชาวเขมรส่วนใหญ่พึงพอใจมากกับวิธีการรับมือกับปัญหาความขัดแย้งกับไทยของรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด วันนี้ (20 มิถุนายน) สำนักข่าว khmertimes ของกัมพูชา เผยแพร่บทความของชาน กันทินี นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง ซึ่งประจำการอยู่ในกรุงพนมเปญของกัมพูชา โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีของไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กำลังดิ้นรนอย่างหนักในการจัดการปัญหาความขัดแย้งภายในรัฐบาล รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับกองทัพไทยด้วย โดยเธอไร้ความสามารถในการควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาตินิยมในประเทศ
ขัดแย้งภายในกับพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากรัฐบาลผสมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีชนวนเหตุจากการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สะท้อนความไม่ลงรอยระหว่างรัฐบาลพลเรือนและกองทัพไทยที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยเผชิญกระแสกดดันจากข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตเลือกตั้งวุฒิสภา 2567 และมีรายงานว่า พรรคอาจไม่สนับสนุนร่างงบประมาณปี 2569 ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบสภาและสิ้นสุดความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
วันที่ 17 มิถุนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยยังคงอยู่กับพรรคภูมิใจไทยตามข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล หากสูญเสียตำแหน่งนี้ พรรคก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อบทสนทนาระหว่างผู้นำไทยและสมเด็จฮุน เซน รั่วไหลสู่สาธารณะ สะท้อนชัดว่ากองทัพไทยไม่สนับสนุนรัฐบาลพลเรือน และมีความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง ขณะที่ความสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยิ่งตึงเครียดเมื่อกองทัพไทยตัดสินใจปิดด่านปอยเปตเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน โดยไม่แจ้งกัมพูชาล่วงหน้า
แม้ทั้งสองฝ่ายจะตกลงถอนกำลังเพื่อคลี่คลายสถานการณ์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน แต่สังคมกัมพูชากลับวิพากษ์วิจารณ์ว่า การถอนกำลังอาจเท่ากับการยอมถอย สมเด็จฮุน เซนจึงต้องออกมาชี้แจงว่าเป็นเพียง “การเคลื่อนย้ายกำลัง” ไม่ใช่ “การถอนตัว”
ในบทสนทนาที่รั่วไหล สมเด็จฮุน เซน แสดงความไม่พอใจที่กัมพูชาให้ความร่วมมือคลี่คลายความตึงเครียด แต่ไทยยังคงปิดด่านฝ่ายเดียว พร้อมเสนอว่า หากไทยถอนคำสั่งปิดด่าน กัมพูชาพร้อมเปิดด่านทุกแห่งภายใน 5 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเจรจา
คลิปเสียงที่หลุดสะท้อนว่าคุมกองทัพไม่ได้
บทวิเคราะห์ที่ได้รับการเผยแพร่บนสื่อเขมรรายงานว่า บทสนทนายังสะท้อนว่านายกรัฐมนตรีไทยไม่มีอำนาจควบคุมกองทัพ แม้ได้รับข้อความที่ชัดเจนจากฝั่งกัมพูชา เธอก็ไม่สามารถโน้มน้าวกองทัพให้เปิดด่านได้ ทำให้กัมพูชาตั้งคำถามว่า ผู้นำไทยไร้สมรรถภาพ หรือเป็นการวางแผนเจรจาแบบ “ตำรวจดี-ตำรวจร้าย” กันแน่
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังล้มเหลวในการควบคุมกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชาพยายามหลีกเลี่ยงการปลุกระดมความเกลียดชัง โดยทั้งสมเด็จฮุน เซน และสมเด็จฮุน มาเนต เรียกร้องให้ประชาชนอย่าตอบโต้คนไทยด้วยความเกลียดชัง และไม่มีเหตุการณ์คุกคามคนไทยหรือสถานทูตในกัมพูชา
ในตอนท้ายของบทความมีการตั้งคำถามว่า ภายใต้สถานการณ์นี้ กัมพูชารู้สึกสับสนว่าใครคือผู้แทนเจรจาที่แท้จริงของไทย และเชื่อว่าการเจรจาชายแดนควรอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ระยะยาว ไม่ใช่เป็นเหยื่อของเกมการเมืองภายในไทย
ผลสำรวจโดยสถาบัน Asian Vision Institute ระบุว่า 73.8% ของชาวกัมพูชาเชื่อว่าปัญหาเกิดจากกองทัพไทย และ 23.1% โทษกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งไทย นอกจากนี้ 99.8% ของชาวกัมพูชาสนับสนุนการยื่นข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนและปราสาทตาเมือน ผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
