ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนบุกเข้าไปในสถานที่แจกจ่ายความอาหารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในฉนวนกาซา ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มที่ได้รับทุนและการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอล วิดีโอแสดงให้เห็นฝูงชนเดินข้ามรั้วและคันดินที่พังทลายลง บริเวณมูลนิธิเพื่อมนุษยธรรมแห่งกาซา (GHF) ในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซา
กลุ่มอาสาสมัครดังกล่าวระบุว่า มีช่วงหนึ่งที่ทีมของพวกเขาต้องถอยกลับเนื่องจากผู้ขอความช่วยเหลือมีจำนวนมาก พวกเขาเข้ามารุมเข้ามาเพื่อแย่งอาหารที่หน่วยงานนำมาแจกจ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะมีไม่พอต่อความต้องการ กองทัพอิสราเอลยอมรับว่า เหตุการณ์ชุลมุนของฝูงชน ทำให้ทหารที่รับหน้าที่ตรึงกำลังในบริเวณดังกล่าวยิงปืนเตือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 48 คน
ด้านสหประชาชาติและกลุ่มให้ความช่วยเหลืออื่นๆ ออกมาวิจารณ์รูปแบบการแจกจ่ายความช่วยเหลือของ GHF อย่างรุนแรง โดยระบุว่า รูปแบบนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม และอาจทำให้ผู้คนต้องอพยพออกไปไกลจากบ้าน UN กล่าวว่าวิดีโอจากเมืองราฟาห์ที่บันทึกภาพผู้คนแย่งอาหารนั้น "น่าสลดใจ" และมีแผนโดยละเอียดที่จะส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับประชากรที่สิ้นหวัง กว่า 2 ล้านคนในกาซา
ทั้งนี้ GHF เริ่มปฏิบัติการแจกจ่ายความช่วยเหลือในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ระบุว่าทางหน่วยงานได้แจกจ่ายกล่องอาหารไปแล้ว 8,000 กล่อง ซึ่งเทียบเท่ากับมื้ออาหาร 462,000 ชุด โดยในเมืองราฟาห์ ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนทั้งเด็กและผู้หญิง ต่างมาที่ศูนย์กระจายความช่วยเหลือเพื่อรอรับกล่องอาหาร
การแจกจ่ายอาหารในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลอนุญาตเปิดทางให้นานาชาติส่งความช่วยเหลือเข้ามายังฉนวนกาซา ในรอบ 2 เดือนกว่า ที่อิสราเอลปิดกั้นอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจากททุกหน่วยงาน และปิดทุกเส้นทาง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ากองทัพอิสราเอลต้องเป็นผู้จัดการกับความช่วยเหลือเหล่านั้น และเป็นผู้แจกจ่ายตามจุดสำคัญและเส้นทางที่อิสราเอลกำหนดเท่านั้น
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่เยอรมนีได้ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลอย่างมั่นคง ประวัติศาสตร์อันมืดมนของการข่มเหงชาวยิวได้หล่อหลอมนโยบายในปัจจุบันของเยอรมนีในการสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ นับตั้งแต่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งกองกำลังฮามาสสังหารผู้คนไปมากกว่า 1,200 รายในอิสราเอลตอนใต้ และลักพาตัวอีกราว 250 ราย ประเด็นของเยอรมนีที่สนับสนุนอิสราเอลถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นคำถามโดยตลอดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี ฟรีดริช เมิร์ซ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงถึงการกระทำของอิสราเอลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ที่ถล่มกาซาอย่างหนักหน่วง และปิดกั้นการช่วยเหลือจนหลายฝ่ายมองว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางอ้อม เขากล่าวระหว่างการเยือนเมืองตูร์กู ประเทศฟินแลนด์ว่า เยอรมนีรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับชะตากรรมของประชาชน พลเรือน และความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสในฉนวนกาซา
นับเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของเยอรมนีต่อท่าทีของอิสราเอล ที่เป็นเช่นนี้ ปีเตอร์ ลินเทิล นักวิเคราะห์จากสถาบันกิจการระหว่างประเทศและความมั่นคงแห่งเยอรมนี เชื่อว่านายกรัฐมนตรีเมิร์ซปรับเปลี่ยนบทบาทตามกระแสโลก เพราะประเทศส่วนใหญ่สรุปแล้วว่า สิ่งที่อิสราเอลทำอยู่เป็นการก่อสงครามอันเลวร้าย และเป้าหมายการโจมตีไม่ชัดเจนอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมิร์ซยังคงยืนยันว่าเขาจะเจรจากับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ต่อไป ซึ่งเขาจะหาวิธีการให้เนทันยาฮูเดินทางมายังเยอรมนีให้ได้ เนื่องจากว่าผู้นำอิสราเอลมีหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ในข้อหาอาชญากรรมระดับชาติและเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นอุกสรรคในการเดินทางข้ามประเทศ