ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยหลังการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียว่า รัสเซียและยูเครนควรจะเริ่มเจรจาเพื่อหยุดยิงทันที ส่วนเงื่อนไขของการหยุดยิง ควรเป็นทั้งสองประเทศตกลงกันเอง ซึ่งทรัมป์เองก็ยอมรับว่า เขาอาจจะถอยออกมาจากการเป็นตัวกลาง
เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าเขาจะยุติสงครามยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ออกมาประกาศว่า ปัญหานี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไข จนกว่าเขาและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียจะร่วมมือกัน และพูดคุยกันแบบเจอหน้าเจอตา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม 68) หลังการหารือทางโทรศัพท์เป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง ระหว่างทรัมป์และปูติน ผู้นำสหรัฐฯประกาศว่า เงื่อนไขของข้อตกลงสันติภาพควรจะได้รับการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน และอาจจะด้วยความช่วยเหลือจากสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่
รายงานระบุว่า แต่ทรัมป์ยังไม่ได้ละทิ้งการมองโลกในแง่ดี เกี่ยวกับโอกาสสร้างสันติภาพในยูเครนเสียทีเดียว โดยเขาโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่า ทั้งสองฝ่ายควรจะเริ่มเจรจาเพื่อหยุดยิงทันที และยุติสงคราม
ขณะเดียวกัน ปูตินเปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมแล้วที่จะทำงานร่วมกับยูเครน เพื่อทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยสันติภาพในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเมื่อพูดถึงบันทึกข้อตกลง และอนาคตที่อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดสันติภาพขึ้น ก็ดูเหมือนว่า ข้อตกลงท้ายที่สุดอาจจะสามารถเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ปูตินย้ำอีกครั้งว่า ปัญหาใดๆก็ตามต้องได้รับการแก้ไขที่ต้นตอของสงคราม ซึ่งรัสเซียเคยอ้างว่า เกิดจากความปรารถนาของยูเครนที่พยายามเข้าไปใกล้ชิดกับพันธมิตรยุโรปมากขึ้น
ทรัมป์ยังระบุบนโซเชียลมีเดียหลังโทรศัพท์หารือกับปูตินว่า รัสเซียและยูเครนจะเริ่มเจรจาในทันทีเพื่อสร้างข้อตกลงหยุดยิง และย้ำว่า เงื่อนไขใดๆจะถูกหารือโดยทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า การที่ทรัมป์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในรอบล่าสุดนี้ อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า สหรัฐฯ อาจจะละทิ้งโต๊ะเจรจายูเครนในที่สุด
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทรัมป์เปิดเผยว่า เขายังไม่ได้ถอยออกมาจากการเป็นผู้จัดการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ยอมรับว่า เขาเองก็มีการขีดเส้นตายเอาไว้ในสมองแล้ว
“ยังมีอัตตากันสูงมาก แต่ผมคิดว่า น่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น และถ้าไม่เกิด ผมก็คงจะต้องถอยออกมา และพวกเขาต้องเดินหน้าต่อไป”
ถ้าหากสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากสงครามยูเครนจริง ก็อาจจะหมายความว่า สหรัฐฯ อาจจะยุติการช่วยเหลือทางข่าวกรองและทางทหารแก่ยูเครนหรือไม่? และถ้าหากเป็นเช่นนั้น ประธานาธิบดีปูตินก็น่าจะยินดี ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีจะต้องเป็นกังวลมากกว่า
แต่ทรัมป์ก็เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจ ทั้งต่อตัวปูตินและเซเลนสกี ขณะที่ความพยายามที่จะแก้ปัญหาสงครามยูเครนถูกลากยาวออกไปอีก
โดยเขากล่าวหาผู้นำยูเครนว่า กำลังเอาสงครามโลกครั้งที่สามมาเป็นเกมพนัน ระหว่างการพบปะหารือที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาก็เปิดเผยว่า โกรธปูตินมากที่ทำให้การเจรจาชะงักงัน