โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนประกาศ ไม่ขอคุยกับตัวแทนคนใด หากไม่ใช่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเองเท่านั้น และหากไม่ได้ข้อตกลงหยุดยิงก็ถือว่าการเจรจาล้มเหลว
เซเลนสกีกล่าวว่า เขาจะเดินทางไปตุรกี ตามที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แนะนำ ด้านปูตินเองก็เสนอให้มีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกและเคียฟในประเทศตุรกีในวันพฤหัสบดี เพื่อหาข้อตัดสินที่เด็ดขาดต่อข้อเสนอที่พันธมิตรประเทศยุโรปของยูเครนเสนอว่า “หยุดยิงหรือเจอมาตรการคว่ำบาตร”
เซเลนสกีกล่าวว่าเขาจะไม่พิจารณาพบกับตัวแทนรัสเซียใครอื่น เพราะว่า “ทุกอย่างในรัสเซียขึ้นอยู่กับปูติน”
“ผมจึงกล่าวว่าวันพฤหัสบดี ผมจะไปตุรกี และพร้อมเจอปูติน และจบสงครามครั้งนี้ด้วยการคุยกับเขาโดยตรง” เซเลนสกีกล่าวกับผู้สื่อข่าว
เพื่อกระตุ้นให้ผู้นำรัสเซียเข้าร่วม เซเลนสกีเสนอให้ทรัมป์เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วม ยูเครนคงจะ “ขอบคุณเป็นอย่างมาก”
หากปูตินเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ จะเป็นการเจรจาโดยตรงครั้งแรกระหว่างผู้นำรัสเซียกับยูเครนตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์แรกของการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโกเมื่อปี 2022
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทรัมป์วางแผนจะเดินทางไปตุรกีในสัปดาห์นี้ แต่การที่ประธานาธิบดีจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นยังไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่า คู่เจรจาชาวรัสเซียของเขาจะไปร่วมด้วยหรือไม่ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหาร
ทรัมป์กำลังเดินทางเยือนตะวันออกกลางอยู่ในขณะนี้ มีแผนการเดินทางแวะที่ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ ซึ่งถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งใหญ่ครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เริ่มวาระที่สอง เขากล่าวว่าอาจเบี่ยงเส้นทางไปตุรกี “หากคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์”
“ผมคิดว่าการประชุมวันพฤหัสบดีในตุรกีระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจได้ผลลัพธ์ที่ดี” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ “ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ที่ไหนในวันพฤหัสบดี ผมมีการประชุมมากมาย แต่ผมก็คิดว่าจริงๆ แล้วอาจบินไปที่นั่น มันก็เป็นไปได้ ถ้าผมคิดว่าอะไรบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนยันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการเจรจาในอิสตันบูล รวมทั้งผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ประจำยูเครน คีธ เคลล็อก และผู้แทนต่างประเทศของทรัมป์ สตีฟ วิตคอฟ ต่างก็มีแผนจะอยู่ที่อิสตันบูลเพื่อการเจรจาเช่นกัน แหล่งข่าวชี้ว่า แผนการคือให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สังเกตการณ์การเจรจาที่ตุรกีเป็นผู้จัดระหว่างฝ่ายยูเครนและรัสเซีย
การจัดการเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้นต่อมอสโก ให้ยอมรับแผนหยุดยิง 30 วันในยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เตือนเมื่อวันอังคารว่า หากรัสเซียไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว มาตรการคว่ำบาตร รวมถึงบริการทางการเงิน อาจถูกบังคับใช้ “ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ด้วยประสานงานใกล้ชิดกับสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ตาม ปูตินยังไม่ยืนยันว่าจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วยตัวเองหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเสนอการเจรจาเอง
เมื่อวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปูตินจะประกาศการตัดสินใจของเขาเมื่อถึงเวลาอันสมควร “เมื่อใดที่ประธานาธิบดีเห็นว่าสมควร เราจะประกาศ” เปสคอฟกล่าว
สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (The Institute for the Study of War: ISW) องค์กรติดตามความขัดแย้งในสหรัฐฯ กล่าวว่าเมื่อวันจันทร์ว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียดูเหมือนจะเริ่มสร้างเงื่อนไขให้ปูตินปฏิเสธการประชุม โดยอ้างคำพูดของผู้ช่วยระดับสูงหลายคนที่ตั้งคำถามต่อเจตนาของเซเลนสกี และเรียกการประชุมที่เสนอว่าเป็นเพียง “ละครฉากหนึ่ง”
แหล่งข่าวการทูตยุโรปกล่าวกับสำนักข่าว CNN ว่า พวกเขาไม่ได้ตั้งความหวังกับการเจรจาครั้งนี้เท่าไหร่นัก และคาดว่าปูตินคงจะไม่ปรากฏตัวในการประชุม
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ยูเครนและพันธมิตรต่างพยายามโน้มน้าวรัฐบาลทรัมป์ว่า ปูตินปฏิบัติอย่างไม่ซื่อตรง และกล่าวว่าการออกมารับข้อตกลงหยุดยิงจะเป็นบททดสอบว่าเขาจริงใจต่อสันติภาพที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องมานานหรือไม่
พันธมิตรยุโรปรายใหญ่ของยูเครนได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียเมื่อวันเสาร์: ให้ยอมรับการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข 30 วันในยูเครน มิฉะนั้นจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่
ความเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องให้หยุดยิงแสดงให้เห็นอีกทางจากสถานการณ์ภาคพื้นในยูเครนตะวันออก กองทัพรัสเซียยังคงรุกคืบในพื้นที่สำคัญหลายจุดตามแนวรบ และโจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครนเกือบทุกวันด้วยโดรนและขีปนาวุธ อย่างไรก็ตาม แนวรบในยูเครนตะวันออกแทบไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คือไม่มีฝ่ายใดสามารถเจาะทะลวงได้
ที่มา: CNN