สัญญานส่อ รัสเซีย-ยูเครนอาจทวีความรุนแรงสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3”
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียมีกำลังและทรัพยากรเพียงพอที่จะทำสงครามในยูเครนจนถึงจุดสิ้นสุด แม้ว่าเขาจะมีความหวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในภาพยนตร์ของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐที่เล่าถึงช่วงเวลา 25 ปีแห่งการดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของรัสเซียของปูติน ภายใต้สารคดีที่มีชื่อว่า “รัสเซีย เครมลิน ปูติน 25 ปี” นักข่าวได้ถามปูตินเกี่ยวกับความเสี่ยงของการขยายอิทธิพลอาวุธนิวเคลียร์จากสงครามยูเครน ปูตินกล่าวขณะยืนข้างรูปของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 นักอนุรักษ์นิยมในศตวรรษที่ 19 ผู้ปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง ระบุว่า ยูเครนต้องการยั่วยุให้รัสเซียทำผิดพลาด ปูตินจึงมองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ และหวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มัน
ปูตินสั่ง ทหาร รัสเซีย หลายพันนาย เข้าไปในยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นการเผชิญหน้าที่ใหญ่ที่สุดระหว่างรัฐบาลมอสโกและโลกตะวันตกนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เขาต้องการยุติ "การนองเลือด" และไม่จำเป็นเลยที่ทหารในสนามรบจะต้องมาเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายแสนนาย
ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ว่าเขารู้สึกหงุดหงิดกับความล้มเหลว ที่สหรัฐฯ ไม่สามารถทำให้รัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลยูเครนสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะยาวได้สำเร็จ แม้ว่าจะให้คำมั่นสัญญามาตั้งแต่ยังไม่ชนะเลือกตังเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์เตือนว่า ความขัดแย้งอาจลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 รวมถึงอดีตผู้อำนวยการซีไอเอ วิลเลียม เบิร์นส์ กล่าวว่า มีความเสี่ยงอย่างมากที่สงครามจะไต่ระดับความรุนแรงเป็นสงครามโลก ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ที่รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตียูเครน
สัญญาณส่อ “สงครามโลกครั้งที่ 3”
สื่อต่างประเทศเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจยืดเยื้อไปอีกนานและปะทุขึ้นเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้จริง เนื่องจากมีสัญญานหลายประการที่ทำให้ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนทวีความรุนแรงไปไกลได้ จนอาจเป็นสงครามโลก Spotlight ชวนส่องสัญญานดังกล่าว มีอะไรบ้าง
- จีนเตรียมเยือนรัสเซีย ลงนามยุทธศาสตร์
ล่าสุด แถลงการณ์บน Telegram ของรัฐบาลรัสเซีย ประกาศว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กำลังจะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในยุโรป และหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ รวมถึงการลงนามในเอกสารหลายฉบับ
แถลงการณ์ระบุว่า ในระหว่างการเจรจา จะมีการหารือประเด็นหลัก ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ เชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงประเด็นปัจจุบันในวาระการประชุมระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค ในโอกาสที่รัสเซียจะจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีความพ่ายแพ้ของนาซีเยอรมนีในวันที่ 7-10 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้
นอกจากการจับมือกับจีนเพื่อต่อสู้กับยูเครนแล้ว ยังมีหลักฐานชัดเจนจากหน่วยข่าวกรองยูเครนว่า จีนได้ส่งทหารและอาวุธสนับสนุนรัสเซียอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด แม้จะพยายามวางตัวเป็นกลางในสงครามนี้ ซึ่งกองทัพยูเครนจับทหารจีนในพื้นที่สงครามได้และแฉต่อชาวโลก เช่นเดียวกับที่จับทหารเกาหลีเหนือในพื้นที่ได้ จนล่าสุด ผู้นำคิม จองอึน ออกมาเปิดหน้าว่าส่งทหารไปช่วยกองทัพรัสเซียจริง ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่ารัสเซียมีกองหนุนเป็นขั้วตรงข้ามสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
- เซเลนสกีวิ่งโร่ หาพันธมิตรต่างชาติ
นอกจากประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนจะมีสหรัฐฯ หนุนหลังอย่างชัดเจนจนเรียกได้ว่าเป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียแล้ว เขายังเจรจาหลายครั้งกับผู้นำในยุโรป ขอความร่วมมือปกป้องยูเครน โดยอ้างว่า โดนรัสเซียคุกคามหนัก และจะขอเข้าร่วมนาโต เพื่อรับประกันความปลอดภัยแล้ว เขายังเดินทางไปต่างประเทศเพื่อพบปะกับผู้นำเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุด เซเลนสกีกำลังเดินทางเยือนสาธารณรัฐเช็กในวันนี้ (5 พ.ค. 68) เพื่อพบกับประธานาธิบดีปีเตอร์ พาเวล และทั้งคู่ยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมโจมตีรัสเซียด้วย
ประธานาธิบดีของยูเครนกล่าวว่า แทนที่จะนำรถถังออกมาจัดแสดงในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะของรัสเซีย ปูตินควรจะคิดว่าจะยุติสงครามของเขาจริง ๆ อย่างไร ส่วนการประกาศที่รัสเซียจะหยุดยิง 3 วันระหว่างการจัดงานและต้อนรับสี จิ้นผิงนั้น เขาโจมตีว่า ไร้ประโยชน์ และเรียกร้องให้หยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ตามข้อเสนอของสหรัฐฯ แทน
ในขณะเดียวกัน พาเวลแห่งเช็ก กล่าวว่า รัสเซียยังไม่แสดงสัญญาณใดๆ ว่าต้องการดำเนินมาตรการเพื่อยุติสงคราม เขาเชื่อว่ารัสเซียมีไพ่ในมือครบทุกใบที่จะยุติสงคราม ประธานาธิบดีปูตินคือผู้ที่สามารถทำได้ด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือประกาศยุติการโจมตี แต่จนถึงขณะนี้ความตั้งใจสร้างสันติภาพใด ๆ ก็ยังไม่ปรากฏ
- การเจรจาดูสันติ แต่สนามรบยังรุนแรง
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ออกตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะยาว และดูเหมือนว่ายูเครนและรัสเซียต่างต้องการสันติภาพ ด้วยการยอมตกลงหยุดยิงชั่วงสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมง แต่แล้วต่างฝ่ายก็ต่างละเมิดข้อตกลง โจมตีกันไม่พัก รัสเซียเดินหน้าอุกอาจถล่มกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และนับเป็นความรุนแรงที่ปะทุขึ้นหนักที่สุดในปีนี้ ขณะที่ยูเครนก็ตอบโต้ด้วยอาวุธและความรุนแรงไม่น้อยไปกว่ากัน
ล่าสุด กองทัพยูเครนได้โจมตีโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าในภูมิภาคไบรอันสค์ของรัสเซีย ใกล้กับพรมแดนยูเครน ส่งผลให้โรงงานเสียหายไปมาก แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ว่าการอเล็กซานเดอร์ โบโกมาซ แห่งรัสเซีย รายงานว่า การโจมตีของยูเครนได้ทำลายโรงงานและอาคารบริหารในหมู่บ้านซูเซมกา พื้นที่ติดชายแดนยูเครนและเบลารุสทางตะวันตกของรัสเซีย ด้านยูเครนออกมายอมรับ โดยเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติและการป้องกันประเทศของยูเครน กล่าวบนเว็บไซต์ Telegram ว่า ตามข้อมูลเบื้องต้น โรงงานสเตรลาในเมืองซูเซมกา ภูมิภาคบรียนสค์ ถูกยูเครนโจมตีจนไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้
ก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวกรองกลาโหมของยูเครนประกาศว่าได้ยิงเครื่องบินรบ Su-30 ของรัสเซียตกในทะเลดำโดยใช้โดรนทางทะเลเป็นครั้งแรก โดยระบุในแถลงการณ์ "นี่เป็นครั้งแรกในโลกที่เครื่องบินรบถูกทำลายโดยโดรนทางทะเล ขณะโจมตี โดรนและเครื่องบินรบระเบิดเป็นไฟในอากาศและตกลงไปในทะเลในที่สุด" ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่บล็อกเกอร์สายทหารชาวรัสเซีย โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ยูเครนนำโดรนทางทะเลมากกว่า 30 ลำมาที่บริเวณโนโวรอสซิสค์ หลังจากเครื่องบินรบของรัสเซียถูกยิง ลูกเรือก็ตกลงไปในน้ำ โดยมีโดรนทางทะเลของศัตรูรายล้อมอยู่”
