Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
น้ำตาลในเลือดต่ำ สัญญาณเตือนที่ควรรู้ ก่อนอาการรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ

น้ำตาลในเลือดต่ำ สัญญาณเตือนที่ควรรู้ ก่อนอาการรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ

24 พ.ย. 68
17:23 น.
แชร์

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) คืออะไร สาเหตุ อาการ สัญญาณเตือนที่ควรรู้ ก่อนอาการจะรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจดูเหมือนเรื่องไกลตัวของคนทั่วไป แต่สำหรับแพทย์แล้ว นี่คือหนึ่งในเหตุฉุกเฉินที่พบได้บ่อย และอาจรุนแรงจนคาดไม่ถึง เพราะอาการมักเริ่มต้นเพียงแค่ “มือสั่น ใจสั่น เหงื่อออก” เหมือนไม่ได้เป็นอะไรใหญ่โต แต่สามารถลุกลามไปจนถึงขั้นชัก หมดสติ หรือแม้กระทั่งหยุดหายใจได้จริงในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ความอันตรายของภาวะนี้ไม่ได้อยู่แค่ตัวโรค แต่อยู่ที่ความเร็วในการดำเนินอาการ และการที่หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ในภาวะอันตราย จนกว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นก่อน ทำให้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นสาเหตุที่แพทย์มักพบว่าผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลช้าเกินไป ทั้งที่สามารถป้องกันและรับมือได้ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณแรกเริ่ม หากเข้าใจความเสี่ยง กลไกของร่างกาย และวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คืออะไร และทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) คือ ภาวะที่ระดับกลูโคสในเลือดลดลงต่ำกว่า 70 mg/dL ซึ่งถือเป็นระดับที่สมองเริ่มขาดพลังงาน เพราะกลูโคสเป็นเชื้อเพลิงหลักที่สมองใช้แทบทั้งหมด หากระดับน้ำตาลลดต่ำลงกะทันหัน ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนผ่านระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก หรือหิวเฉียบพลัน นี่คือกลไกช่วยชีวิตที่เตือนให้ร่างกายรีบเพิ่มระดับน้ำตาลเพื่อป้องกันความเสียหาย

แต่ความอันตรายซ่อนอยู่ตรงที่ “อาการเตือนอาจไม่เกิดขึ้นในบางคน” โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานมานาน ใช้อินซูลินประจำ หรือมีภาวะที่เรียกว่า Hypoglycemia unawareness หรือ ภาวะไม่รู้ตัวว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้สมองไม่แสดงอาการเตือน จึงเสี่ยงเข้าสู่ระดับอันตรายได้ง่ายมาก เช่น หมดสติ ชัก หรือหยุดหายใจ หากน้ำตาลต่ำกว่า 40 mg/dL นานเกินไป

สมองขาดกลูโคสไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะสมองไม่มีพลังงานสำรอง การขาดน้ำตาลเพียงไม่กี่นาทีอาจทำลายสมองได้แบบถาวร นี่คือสาเหตุที่ภาวะน้ำตาลต่ำถือเป็น “ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์” ที่ต้องรีบแก้ไขทันที

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

สาเหตุสามารถเกิดได้ทั้งในผู้ป่วยเบาหวานและคนทั่วไป

ในผู้ป่วยเบาหวาน:

– ฉีดอินซูลินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ

– ใช้ยากลุ่มกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เช่น Sulfonylureas

– กินมื้ออาหารน้อยหรืองดมื้อโดยไม่ได้วางแผน

– ออกกำลังกายหนักกว่าปกติ

– ดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้กินอาหาร

ในคนทั่วไป:

– ดื่มแอลกอฮอล์มากจนตับสร้างกลูโคสไม่ได้

– อดอาหารนาน

– ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง

– โรคตับ โรคไต

– การติดเชื้อรุนแรง

– เนื้องอกหายากบางชนิดที่สร้างอินซูลินเกิน (Insulinoma)

แม้คนทั่วไปมักไม่ค่อยเกิดภาวะนี้ แต่ก็สามารถเกิดได้จริง โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัวหรือภาวะโภชนาการไม่ดีร่วมด้วย

สัญญาณเตือนที่ควรรู้ ก่อนอาการจะรุนแรงจนเกินแก้

ร่างกายจะค่อย ๆ ส่งสัญญาณเตือนเมื่อระดับน้ำตาลลดลง ได้แก่

– มือสั่น ใจสั่น

– เหงื่อออกมาก

– หิวเฉียบพลัน

– หน้ามืด วิงเวียน

– พูดไม่ชัด มึนงง

– สมาธิลดลง คิดอะไรไม่ออก

– มองเห็นภาพซ้อน

– พฤติกรรมแปลกไปเหมือนคนเมา

– อารมณ์เปลี่ยน หงุดหงิดง่าย

ถ้าไม่รีบแก้ไข อาจรุนแรงขึ้นเป็น

– สับสนจนจำอะไรไม่ได้

– เดินเซ

– ชัก เกร็ง

– หมดสติ

– หยุดหายใจ

และความน่ากลัวคืออาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ “เร็วมากภายในไม่กี่นาที”

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ทำไมถึงถึงขั้นหมดสติและหยุดหายใจได้

เมื่อระดับน้ำตาลต่ำกว่า 40 mg/dL สมองจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า Neuroglycopenia คือการที่ สมองขาดกลูโคสอย่างรุนแรง

สมองส่วนที่ควบคุมสติ การพูด การเคลื่อนไหว และการหายใจจะเริ่มทำงานผิดปกติทันที หากไม่ได้รับกลูโคสภายในเวลาอันสั้น เซลล์สมองบางส่วนจะเริ่มเสียหาย สามารถเกิดภาวะดังนี้

– ชักจากการทำงานผิดปกติของสัญญาณประสาท

– หมดสติจากการขาดการทำงานของสมอง

– หยุดหายใจ เพราะศูนย์ควบคุมการหายใจในก้านสมองหยุดทำงาน

– สมองเสียถาวรหากขาดกลูโคสเกิน 10–20 นาที

– เสียชีวิตหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา

นี่คือเหตุผลที่แพทย์ย้ำเสมอว่า “ภาวะน้ำตาลต่ำอันตรายกว่าน้ำตาลสูงในบางสถานการณ์” เพราะความรุนแรงเกิดขึ้นแบบฉับพลัน และมักเกิดขึ้นโดยผู้ป่วยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลากลางคืน

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ

การป้องกันทำได้ง่ายและสำคัญมาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน

– กินอาหารตรงเวลา ไม่งดมื้อ

– ตรวจระดับน้ำตาลสม่ำเสมอ

– พกอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตดูดซึมเร็ว เช่น ลูกอม น้ำผลไม้

– แจ้งแพทย์ก่อนปรับยาเอง

– ลดขนาดยาในวันที่ออกกำลังกายหนัก

– หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง

– ใช้เครื่องวัดน้ำตาลต่อเนื่อง (CGM) หากจำเป็น

– ให้ญาติเรียนรู้สัญญาณเตือนและการช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรง ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเกิดซ้ำสูง

วิธีปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ขั้นตอนที่ถูกต้องและต้องทำทันที

กรณีผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและกลืนได้

1. ให้รับประทานหรือดื่ม

– น้ำผลไม้ ½–1 แก้ว

– น้ำตาลก้อน 3–4 ก้อน

– เจลกลูโคส 1 ซอง

– น้ำอัดลมแบบปกติ (ไม่ใช่ไดเอต)

2. รอ 15 นาทีแล้วตรวจซ้ำ

3. ถ้ายังต่ำ ทำซ้ำอีกครั้ง

4. เมื่อดีขึ้น ให้กินอาหารคาร์บดูดซึมช้า เช่น ขนมปัง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่

กรณีผู้ป่วยหมดสติ พูดไม่รู้เรื่อง หรือชัก

– ห้ามป้อนน้ำหรืออาหารเด็ดขาด เพราะเสี่ยงสำลักจนหยุดหายใจ

สิ่งที่ต้องทำ คือ

– โทร 1669 ทันที

– จัดท่านอนตะแคง ป้องกันการสำลัก

– หากมี Glucagon emergency kit (ชุดฉุกเฉินสำหรับรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง) ให้ฉีดตามคำแนะนำ

– รีบนำส่งโรงพยาบาลแม้ฟื้นแล้ว ทุกวินาทีสำคัญอย่างยิ่งในภาวะนี้

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเกิดในผู้ป่วยเบาหวานหรือคนทั่วไป เพราะความผิดปกติที่ดูเหมือนเล็กน้อยในนาทีแรก อาจกลายเป็นเหตุร้ายแรงในนาทีถัดไปได้อย่างรวดเร็ว ความเข้าใจในสัญญาณเตือน การป้องกันด้วยพฤติกรรมง่ายๆ และการรู้จักวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง คือกุญแจสำคัญที่สุดที่จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่างสมองขาดออกซิเจน ชัก หรือหยุดหายใจได้

อ้างอิง : si.mahidol.ac.th/ medparkhospital/ hdmall.co.th/ praram9.com

Advertisement

แชร์
น้ำตาลในเลือดต่ำ สัญญาณเตือนที่ควรรู้ ก่อนอาการรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ