Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
MEYOU ป่วยเก๊าต์ในวัย 25 บทเรียนสุขภาพจาก "โรคคนแก่" คืบคลาน "วัยรุ่น"

MEYOU ป่วยเก๊าต์ในวัย 25 บทเรียนสุขภาพจาก "โรคคนแก่" คืบคลาน "วัยรุ่น"

25 ก.ย. 68
16:49 น.
แชร์

นักร้องหนุ่ม MEYOU ป่วยโรคเก๊าต์ในวัย25 ถอดบทเรียนสุขภาพจาก "โรคคนแก่" สู่ "วัยรุ่น" รู้จักและรู้ทันสัญญาณเตือนก่อนปวดข้อก่อนวัยอันควร

เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “เก๊าต์” ภาพจำของใครหลายคนคือผู้สูงอายุที่เดินกระเผลกด้วยความเจ็บปวด ข้อเท้าหรือหัวแม่เท้าบวมแดง และต้องคอยระวังการกินอาหาร แต่ความจริงที่น่าตกใจกว่านั้นคือเก๊าต์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวัยผู้ใหญ่หรือคนแก่เท่านั้น หากวันนี้มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับโรคนี้ตั้งแต่อายุน้อย

เรื่องที่เกิดกับนักร้องหนุ่ม "MEYOU" มิว- ชิษณุชา ตันติเมธ ที่ออกมาเผยว่าตนเองป่วยเป็นโรคเก๊าต์ในวัย 25 น้ำหนักลดไป 10 กิโลฯ

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าความเจ็บป่วยนี้กำลังใกล้ตัววัยรุ่นมากกว่าที่คิด และนั่นคือสัญญาณเตือนทางสาธารณสุขที่เราไม่อาจมองข้ามได้

โรคเก๊าต์ เกิดจากอะไร?

เก๊าต์เกิดจากการที่ร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป กรดยูริกนี้เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายของสารพิวรีน ซึ่งพบได้ทั้งในอาหารที่เรากินและจากการทำงานปกติของร่างกาย ปกติแล้วร่างกายจะขับกรดยูริกส่วนเกินออกทางไต แต่หากผลิตมากเกินไป หรือไตขับออกได้น้อยกว่าที่ควร กรดยูริกจะตกผลึกเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ไปสะสมตามข้อต่อ โดยเฉพาะที่ข้อเท้า ข้อนิ้วหัวแม่เท้า

ผลึกเหล่านี้จะกระตุ้นการอักเสบจนเกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน และเจ็บอย่างรุนแรงจนแทบเดินไม่ได้ สิ่งที่ต่างจากโรคข้อเสื่อมทั่วไปคืออาการของเก๊าต์มักมาแบบฉับพลัน บางคนกำลังนอนอยู่ก็ตื่นมากลางดึกด้วยอาการเจ็บแสบจนต้องร้อง

โรคเก๊าต์ในวัยรุ่น เกิดจากอะไร?

สิ่งที่ทำให้เก๊าต์ปรากฏในวัยรุ่นมากขึ้นนั้นเกี่ยวพันกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ อาหารฟาสต์ฟู้ดที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์แปรรูป เครื่องในสัตว์ อาหารทะเลปรุงสำเร็จ เครื่องดื่มที่มีฟรุกโตสสูง เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก น้ำผลไม้กล่อง รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ ต่างมีส่วนทำให้ระดับกรดยูริกพุ่งสูงขึ้น

อีกทั้งวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมการนอนดึก ทำงานหนัก เรียนหนัก ความเครียดสะสม และการออกกำลังกายน้อย น้ำหนักตัวเกิน ยิ่งทำให้โอกาสเกิดเก๊าต์เร็วขึ้นกว่าที่คิด

จากรายงานของ Arthritis Foundation (2024) ระบุว่าอัตราการพบเก๊าต์ในคนอายุต่ำกว่า 30 ปีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศที่การบริโภคอาหารแปรรูปและน้ำอัดลมสูง แม้ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นทุกคน แต่สัญญาณเหล่านี้ทำให้แพทย์เริ่มมองว่าเก๊าต์ไม่ใช่ “โรคของคนแก่” อีกต่อไปแล้ว

โรคเกาต์ อันตรายแค่ไหน?

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้อันตรายคือวัยรุ่นมักไม่คิดว่าตัวเองจะป่วยด้วยโรคแบบนี้ เมื่อมีอาการปวดข้อก็มักคิดว่าเป็นการเล่นกีฬาหนักเกินไป หรือข้อพลิกข้อแพลง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเก๊าต์ก็เมื่อมีอาการกำเริบซ้ำ ๆ และเริ่มรุนแรงขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้นาน ผลึกกรดยูริกจะสะสมจนทำลายข้อต่ออย่างถาวร และอาจก่อก้อนยูริกหรือ “โทฟัส” ที่นูนออกมาให้เห็นชัดเจน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตและไตวายเรื้อรัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าวัยรุ่นจะต้องมาเจอ

ในมิติทางสังคม เก๊าต์ยังมีผลต่อคุณภาพชีวิตวัยรุ่นโดยตรง วัยเรียนอาจไม่สามารถไปเรียนหรือทำกิจกรรมที่ต้องเดินได้ตามปกติ วัยทำงานอาจเสียโอกาสในการทำงาน วัยนักกีฬาหรือศิลปินอาจสูญเสียความฝันไปอย่างน่าเสียดาย การเจ็บปวดแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ความทรมานชั่วคราว แต่ส่งผลกระทบต่ออนาคตในระยะยาว

แล้วเราจะทำอย่างไรให้ห่างไกลเก๊าต์ตั้งแต่วัยรุ่น?

คำตอบอยู่ที่การดูแลพฤติกรรมประจำวัน แม้ว่าพันธุกรรมและความผิดปกติของไตจะมีส่วน แต่สิ่งที่ควบคุมได้คือการกินและการใช้ชีวิต วัยรุ่นควรลดการกินอาหารที่มีพิวรีนสูง เลี่ยงเครื่องในสัตว์และอาหารทะเลที่ปรุงเข้มข้น ดื่มน้ำสะอาดให้มากอย่างน้อยวันละ 2–3 ลิตร หลีกเลี่ยงน้ำหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องหักโหม เพียงการเดิน วิ่งเบา ๆ หรือว่ายน้ำก็ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการนอนหลับให้พอและจัดการความเครียดให้เหมาะสม

การตรวจสุขภาพประจำปีโดยเฉพาะการตรวจระดับกรดยูริกในเลือดก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันเก๊าต์ได้ในระยะยาว หากพบว่าระดับยูริกสูงเกิน 7 มก./ดล. ในผู้ชาย หรือเกิน 6 มก./ดล. ในผู้หญิง ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อปรับพฤติกรรมหรือรับการรักษาในกรณีที่จำเป็น เพราะเก๊าต์ไม่ใช่โรคที่รักษาแล้วหายขาด แต่สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ไม่กำเริบได้ หากจัดการถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ

ท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนความคิดของสังคม เก๊าต์ไม่ใช่โรคที่ควรผูกติดกับภาพคนแก่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะวัยรุ่นก็ป่วยได้ และบางครั้งยิ่งป่วยเร็วยิ่งรุนแรงกว่า หากเรายังปล่อยให้การกิน การดื่ม และพฤติกรรมชีวิตเสี่ยง ๆ เป็นเรื่องปกติ วันหนึ่งเก๊าต์อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนหนุ่มสาวอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่ฉุดรั้งอนาคตของวัยรุ่นไทย

อ้างอิง
1. Richette, P., & Doherty, M. (2020). Gout. The Lancet, 395(10231), 1345-1356. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(20)30543-8
2
. Dalbeth, N., Gosling, A. L., Gaffo, A., & Abhishek, A. (2021). Gout. Nature Reviews Disease Primers, 7(1), 69. https://doi.org/10.1038/s41572-021-00290-0
3
. Arthritis Foundation. (2024). Gout in Young Adults. https://www.arthritis.org/diseases/gout
4
. Choi, H. K., & Curhan, G. (2005). Soft drinks, fructose consumption, and the risk of gout in men: prospective cohort study. BMJ, 336(7639), 309-312. https://doi.org/10.1136/bmj.39449.819271.BE
5
. Mayo Clinic. (2023). Gout: Symptoms and causes. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gout/symptoms-causes

Advertisement

แชร์
MEYOU ป่วยเก๊าต์ในวัย 25 บทเรียนสุขภาพจาก "โรคคนแก่" คืบคลาน "วัยรุ่น"