
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้แจ้งแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า การหารือกับยูเครนนั้น เป็นไปในทางบวกอย่างมาก หลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือแผนสันติภาพยูเครน ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเขายืนยันว่า การประชุมครั้งนี้มีประสิทธิผลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้ รูบิโอยังถูกถามถึงประเด็นก่อนหน้านี้ ที่ทรัมป์ออกมาตำหนิผู้นำยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่า ไม่สำนึกบุญคุณต่อความพยายามของสหรัฐฯ และอ้างว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะไม่เกิดขึ้นเลย หากผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งหมายถึงนายโจ ไบเดนและผู้นำยูเครนมีความแข็งแกร่งและเหมาะสม ทั้งนี้ รูบิโอเผยว่า ได้พูดคุยกับทรัมป์แล้ว ทรัมป์ค่อนข้างพอใจกับรายงาการประชุมและความคืบหน้าที่เจนีวา และความตึงเครียดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำยูเครนได้คลี่คลายลงแล้ว
รูบิโอกล่าวในการแถลงว่า เขาไม่อยากประกาศชัยชนะหรือจุดจบที่นี่ ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ แต่วันนี้ ณ เวลานี้ เราก้าวไปไกลกว่าตอนเริ่มต้นเมื่อเช้านี้มาก ส่วนปัญหาที่ยังเหลืออยู่อีก 2-3 ประการ ยังคงต้องเดินหน้าแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ร่วมของสหรัฐฯ-ยูเครนที่เผยแพร่ออกมานั้นระบุว่าทั้งสองประเทศได้เห็นชอบ "กรอบสันติภาพที่ได้รับการปรับปรุงและกลั่นกรอง" และตกลงที่จะ "ทำงานอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับข้อเสนอร่วมกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
ต่อมา ทำเนียบขาวแถลงว่า ทางการยูเครนเชื่อว่าร่างแผนสันติภาพฉบับปัจจุบันเพื่อยุติสงครามนั้น สะท้อนถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของพวกเขา หลังจากที่มีการปรับปรุงแก้ไขและชี้แจง โดยได้รับความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ยูเครน และยุโรป ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ก่อนหน้านี้ ร่างแผนสันติภาพยูเครน 28 ข้อ เคยเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้รัสเซียอย่างชัดเจน แต่ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อกังวลหลักของยูเครนได้รับการแก้ไขอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และผลการประชุมวันนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่
แถลงการณ์ระบุว่า “คณะผู้แทนยูเครนยืนยันว่าข้อกังวลหลักทั้งหมดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว การคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐาน เสรีภาพในการเดินเรือ และอธิปไตยทางการเมือง ได้รับการแก้ไขอย่างละเอียดถี่ถ้วนในระหว่างการประชุม”
ขณะที่โพสต์ทาง Telegram ของประธานาธิบดีเซเลนสกี เผยแพร่วิดีโอของผู้นำยูเครน เขาได้กล่าวชื่นชมผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการประชุมนี้ หลายสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง และรัฐบาลยูเครนกำลังทำงานอย่างรอบคอบกับขั้นตอนการยุติสงครามกับรัสเซีย
นอกจากนี้ ยูเครนยังได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐอเมริกาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวด้วย โดยแถลงการณ์ระบุว่า “คณะผู้แทนยูเครนได้ยืนยันความสำนึกในบุญคุณต่อความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ สำหรับความพยายามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของพวกเขาที่มุ่งเป้าไปที่การยุติสงครามและการสูญเสียชีวิต”
แม้ท่าทีของยูเครนจะดูอ่อนลง และให้ความร่วมมือกับทรัมป์มากขึ้น แต่พรรคเดโมแครตยังวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยโดนัลด์ ทรัมป์
ด้านส.ส. เกรกอรี มีคส์ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในวันนี้ว่า ร่างแผนสันติภาพยูเครน 28 ข้อ ของรัฐบาลทรัมป์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะนั้น มีความหมายเท่ากับการยอมจำนนต่อรัสเซีย เขากล่าวว่า “ความคิดของผมคือ นี่ไม่ใช่แผนสันติภาพ แต่เป็นแผนยอมจำนน”
ส.ส. เดโมแครตจากนิวยอร์กกล่าวหาว่า รัฐบาลทรัมป์ได้มอบผลประโยชน์มากกว่าที่รัสเซียร้องขอเสียอีก ในขณะที่รัฐบาลมอสโกไม่ต้องสละอะไรเลย อีกทั้งข้อตกลงนี้ส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังพันธมิตรยุโรป เขากล่าวว่า “หากเราทำเช่นนี้กับยูเครน แล้วนั่นจะหมายความว่าอย่างไรกับ NATO? เพราะนั่นหมายความว่าปูตินสามารถเดินหน้าไปได้ทุกที่ที่เขาต้องการ โดยรู้ว่าสหรัฐอเมริกาอาจจะไม่ให้การสนับสนุนผู้ที่ถูกรุกราน”