Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ถอดบทเรียน SMEs ญี่ปุ่น โตได้ด้วยรัฐหนุน และใช้จิตวิญญาณทำธุรกิจ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ถอดบทเรียน SMEs ญี่ปุ่น โตได้ด้วยรัฐหนุน และใช้จิตวิญญาณทำธุรกิจ

3 พ.ค. 68
10:41 น.
แชร์

ธุรกิจ SME ของญี่ปุ่น หรือเรียกว่า “ชูโช-คิเงียว (中小企業)” ถูกเปรียบว่าเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่และกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่กว่าจะเป็น SME ที่โด่งดังและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การทำธุรกิจของญี่ปุ่น เริ่มต้นจากอะไร วันนี้ Spotlight จะไปหาคำตอบพร้อมกัน

ธุรกิจ SME ญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2


SME (ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ในญี่ปุ่นเริ่มเติบโตอย่างจริงจังหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายด้านที่หลอมรวมกัน 

ประการแรก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นสูญเสียโครงสร้างทางอุตสาหกรรมเดิมไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่  ญี่ปุ่นต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ธุรกิจขนาดเล็กจึงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนการผลิต สร้างงาน และเติมเต็มความต้องการพื้นฐานในชุมชน 

แล้วรัฐบาลก็ก่อตั้งสำนักงานผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ Small and Medium enterprise agency ขึ้นในปี 1948 เพื่อช่วยเหลือการปล่อยกู้ของธนาคารแห่งต่างๆให้ธุรกิจขนาดเล็ก

ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาล ทำให้ญี่ปุ่นใช้เวลาเพียงสิบกว่าปี ก็สร้างปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ จากซากสงครามได้สำเร็จ 



การทำธุรกิจด้วยแนวคิด "โคดาวาริ"

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นได้รับการยอมรับก็คือ การทำธุรกิจด้วยแนวคิดที่เรียกว่า “โคดาวาริ” ใส่ใจคุณภาพ พิถีพิถันในรายละเอียด และมุ่งผลิตของที่ดีที่สุด

โคดาวาริ คือการแสวงหาความสมบูรณ์แบบในการทำงานของชาวญี่ปุ่น พวกเขาจะตั้งใจ ใส่ใจในรายละเอียด พิถีพิถัน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์ของธุรกิจญี่ปุ่นที่เราพบเห็น จนใครๆก็ให้การยอมรับ แนวคิดนี้ไม่เพียงใช้ได้กับการทำธุรกิจ แต่การพัฒนาตนเองก็ได้ด้วยเช่นกัน

การแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่ว่า คือการมุ่งมั่นทำให้ดียิ่งกว่ามาตรฐานทั่วไป ไม่ใช่แค่ทำให้ “ผ่าน” แต่ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น SME แบบไหน ก็ต้องสร้างความสมบูรณ์แบบให้ได้ เพราะเมื่อสินค้าสมบูรณ์แบบ สิ่งที่ตามมาคือคุณค่า และมูลค่า

กว่าจะเป็นวากิว

ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี กลางหุบเขาในเมืองทากายามะ เหล่าฝูงวัวสีดำกำลังเดินเล่นกันอย่างอิสระ บางตัวก้มลงเทะเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลิน 

วัวเหล่านี้คือวัวพันธุ์ฮิดะ หนึ่งในสายพันธุ์วากิวที่ขึ้นชื่อในภูมิภาคนี้  และเมื่อพูดคำว่าวากิวออกมา ภาพของเนื้อวัวที่สวยงาม มีมันแทรกราวกับหินอ่อน ก็จะปรากฏขึ้นมา

เนื้อวากิว (Wagyu) คือชื่อเรียกเนื้อวัวที่ผลิตในญี่ปุ่น แปลตรงตัวว่า "วัวญี่ปุ่น” แต่กว่าจะเป็นวากิวได้ เนื้อนั้นต้องผ่านมาตรฐานอันเข้มงวด  ปัจจุบัน มีวัว 4 สายพันธุ์หลักที่เลี้ยงในญี่ปุ่น ได้แก่ วัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ (Japanese Black) พันธุ์ญี่ปุ่นขนน้ำตาล (Japanese Brown) พันธุ์ญี่ปุ่นเขาสั้น (Japanese Shorthorn) และพันธุ์ญี่ปุ่นไม่มีเขา (Japanese Polled)

เนื้อวากิวจะมีชื่อเรียกแยกย่อยที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ เช่น เนื้อโกเบ หรือเนื้อมัตสึซากะ ตามถิ่นกำเนิดของพวกมัน

และแม้แบรนด์ "ฮิดะ" อาจยังไม่เป็นที่รู้จักเทียบเท่า เนื้อโกเบ หรือมัตซึซากะ  แต่สิ่งที่เหมือนกันในทุกฟาร์มวัวของญี่ปุ่นคือ การเลี้ยงดูที่ใส่ใจ และกว่าที่ชั้นไขมันจะสวยงามเป็นลายหินอ่อนได้แบบนั้น วากิวผ่านการพัฒนาและรักษาสายพันธุ์อย่างเข้มงวด

ในช่วงฤดูร้อน วัวเหล่านี้จะได้อาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบ และในฤดูหนาว พวกมันจะอยู่ในคอก เพื่อคลอดลูกวัวที่เกิดจากการผสมพันธุ์แบบคัดสรร เพื่อรักษา "ความบริสุทธิ์" ของสายพันธุ์วากิวเอาไว้

อาหารที่วัววากิวได้รับคือฟางข้าววันละ 10 กิโลกรัม ฟางข้าวนี่เองคือสิ่งที่ช่วยสร้างลายไขมันแทรกในกล้ามเนื้ออันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อวากิว ทั้งรูปลักษณ์ และรสชาติ

วัวแต่ละตัวจะใช้ชีวิตนานถึง 30 เดือนในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ภายใต้การดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด โดยมีระบบติดแท็กอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะ ที่สามารถตรวจสอบสายพันธุ์ย้อนหลังได้อย่างน้อยถึงรุ่นปู่ย่าตายาย

แม้เกษตรกรในทาคายามะจะไม่ถึงขั้นให้วัวดื่มเบียร์หรือฟังดนตรีคลาสสิกเหมือนบางฟาร์ม แต่ทุกกระบวนการล้วนใส่ใจในรายละเอียด เพราะสำหรับวากิวทุกตัว ไม่มีพื้นที่สำหรับความผิดพลาด

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้วากิวเป็นที่ยอมรับเรื่องของความอร่อย ที่เชฟทั่วโลก ยังเลือกสรรเพื่อนำไปทำเป็นอาหาร 

ดังนั้นวากิวจึงไม่ได้เป็นเพียงเนื้อ แต่มันยังเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับการขึ้นโต๊ะอาหารหรูหรา มีความสำคัญ และเป็นของขวัญมีค่าสำหรับมอบให้คนที่คุณรักอีกด้วย ซึ่งเมื่อคุณได้ลิ้มรสของวากิวแล้ว คุณจะปราศจากคำถามว่า ทำไมถึงแพง 

นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า คุณค่า  และในการทำธุรกิจแบบญี่ปุ่น คุณค่ามาพร้อมกับ “ความจริงใจ” เมื่อนั้น มันจะเกิดมูลค่าตามมา

แชร์
ถอดบทเรียน SMEs ญี่ปุ่น โตได้ด้วยรัฐหนุน และใช้จิตวิญญาณทำธุรกิจ