Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รัฐบาลจีนห้าม“อวดรวย” แบนคนดัง สั่งลบโพสต์ ขณะเศรษฐีใหม่ในจีนพุ่งพรวด
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

รัฐบาลจีนห้าม“อวดรวย” แบนคนดัง สั่งลบโพสต์ ขณะเศรษฐีใหม่ในจีนพุ่งพรวด

20 มี.ค. 68
16:59 น.
แชร์

บทลงโทษของ "คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน"

“คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน” คือฉายาที่ชาวเน็ตเรียก “หวัง หงชวนซิ่ง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน ไลฟ์สไตล์สุดลักชูว์ และชอบแสดงออกถึงความร่ำรวยบนสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ด และเครื่องประดับราคาอ้าปากค้าง ครั้งหนึ่งเขาเคยโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เปิดเผยว่าตนเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรูหรา 7 แห่ง อีกทั้งยังไม่เคยออกจากบ้านโดยสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับมูลค่าต่ำกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 47,000 ล้านบาท รวมถึงมีบอดี้การ์ดและผู้ช่วยมากถึง 8 คน รายล้อมทุกครั้งที่ออกจากบ้าน 

หวังเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากที่เขาโพสต์วิดีโอที่เขาคุกเข่าขอเงินต่อหน้าแม่ของเขา พฤติกรรมที่อ่อนน้อมถ่อมตนของเขา สร้างความประทับใจให้กับผู้ชม แม้จะมีเสื้อผ้าราคาแพงและใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยก็ตาม สำหรับแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของเขา มาจากธุรกิจเหมืองถ่านหินของครอบครัว ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นธุรกิจเครื่องประดับหยก นอกจากนี้ เขายังมีธุรกิจอื่น ๆ ของตัวเองอีกด้วย อินฟลูเอนเซอร์ผู้นี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามบน Douyin ซึ่งเป็นแอป TikTok เวอร์ชันของจีน โดยมีผู้ติดตามกว่า 4.4 ล้านคน

“คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน” คือฉายาที่ชาวเน็ตเรียก “หวัง หงชวนซิ่ง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน
“คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน” คือฉายาที่ชาวเน็ตเรียก “หวัง หงชวนซิ่ง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน
“คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน” คือฉายาที่ชาวเน็ตเรียก “หวัง หงชวนซิ่ง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน
“คิม คาร์เดเชียนแห่งเมืองจีน” คือฉายาที่ชาวเน็ตเรียก “หวัง หงชวนซิ่ง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน

แม้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวเน็ตจีน หรือจะเป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน มั่งคั่งด้วยเงินและอิทธิพลมาจากไหน แต่เส้นทางการเป็นเซเลบริตีสายอวดรวยบนโลกออนไลน์ก็ต้องจบลง เพราะทางการจีนไม่ไว้หน้า สั่งลบโพสต์โชว์หรูเกือบทั้งหมดของเขา และสั่งแบนไม่ให้เข้าถึงโซเชียลมีเดียอีกต่อไป เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนหลายแอปพลิเคชัน ได้ดำเนินการระงับบัญชีอินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากที่โพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับการโอ้อวดความร่ำรวย

ปราบ “อวดรวย” เป็นวาระแห่งชาติ

ดร. แมทธิว ชมิดท์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ในแผนกความมั่นคงแห่งชาติของวิทยาลัยเฮนรี ซี. ลี ให้ความเห็นผ่าน Forbes ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสัญญาณว่า การแสดงความมั่งคั่งไปในทางฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ขัดต่ออุดมคติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาระยะหนึ่งแล้ว คำปราศรัยปีใหม่ของเขาเรียกร้องให้เน้นที่ 'ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน' จึงมีการออกนโยบายปราบปรามโพสต์อวดรวยที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์

ดร. แมทธิว ชมิดท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สี จิ้นผิงมีความตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงประวัติศาสตร์ของสหภาพโซเวียตและบทบาทของความไม่พอใจต่อการทุจริตของชนชั้นนำที่ส่งผลต่อการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผู้นำจีนพยายามหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้มาหลายทศวรรษ

ทั้งนี้ ทางการจีนได้ออกมาตรการควบคุมการแสดงออกถึงความร่ำรวยบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสม ซึ่งมาตรการนี้ไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะที่ระบุว่า "ห้ามอวดรวย" แต่เป็นการควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Weibo, Douyin, และ Xiaohongshu ได้เริ่มใช้มาตรการควบคุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการโอ้อวดความร่ำรวยอย่างเข้มงวด

ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ทางการจีนได้ลบโพสต์ที่อวดความมั่งคั่งอย่างไม่เหมาะสมกว่า 60,000 โพสต์ ปิดห้องสตรีมสด 1,174 ห้อง และแบนบัญชี 3,609 บัญชี แสดงให้เห็นว่า ทางการจีนมีความจริงจังในการควบคุมเนื้อหาบนสื่อสังคมออนไลน์ และพร้อมที่จะลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ ทางการปักกิ่งได้ จัดทำแคมเปญ "Clear and Bright" เป็นประจำเพื่อขจัดสิ่งที่มองว่าเป็นความชั่วร้ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่อต้านการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญยังเป็นการต่อต้านหารเลือกปฏิบัติทางชนชั้นในจีนด้วย

ขจัดค่านิยมฟุ่มเฟือยในวงการบันเทิง

Survival Idol รายการแข่งขันค้นหาไอดอลบนแฟตฟอร์มสตริมมิ่งยักษ์ใหญ่ของจีน iQIYI เปิดให้แฟนคลับสามารถสนับสนุนผู้เข้าแข่งขันที่ตัวชอบได้ ผ่านการโหวตโดยสแกน QR Code บนฝานมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง นั่นหมายความว่า ยิ่งแฟนคลับซื้อนมเปรี้ยวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสิทธิ์เพิ่มคะแนนให้ไอดอลที่รักได้มากเท่านั้น และรางวัลตอบแทนของคนทุ่มเท คือได้ขึ้นเวทีถ่ายรูปใกล้ชิดกับไอดอลในฐานะ Top Spender หรือผู้ที่ใช้จ่ายสูงสุดอันดับต้น ๆ นั่นเอง

แต่แล้ว ก็มีข่าวฟ้าผ่าวงการไอดอลจีนและแฟนคลับ เนื่องจาก iQIYI ได้ประกาศระงับการถ่ายทำ Survival Idol ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และจะยกเลิกระบบโหวตดังกล่าวด้วย เนื่องจากรัฐบาลจีนมองว่ารายการนี้ส่งเสริมค่านิยมที่ไม่เหมาะสม เช่น การแข่งขันที่ดุเดือด การให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก และการสร้างวัฒนธรรมการคลั่งไคล้ไอดอล มาตรการควบคุมมุ่งเน้นไปที่การลดอิทธิพลของวัฒนธรรมแฟนคลับ เช่น การใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนไอดอล นั่นเอง

รัฐบาลจีนได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษ "ชิงหล่าง" (Qinglang) เพื่อดูแลและจัดระเบียบวงการบันเทิงบนโลกออนไลน์ รวมถึงการควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแฟนคลับ นอกจากนี้ หน่วยงานบริหารวิทยุโทรทัศน์จีนยังได้ออกร่างกฎหมายต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อจัดระเบียบการออกอากาศของรายการโทรทัศน์อีกด้วย

รัฐบาลจะเอาอยู่ไหม เมื่อเศรษฐีใหม่เติบโตในจีน

New World Wealth บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก และ Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินระดับโลก เปิดเผยผลสำรวจที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการขยายตัวของสังคมมหาเศรษฐีทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า จีนเป็นประเทศผู้นำที่มีการเติบโตของมหาเศรษฐีหน้าใหม่สูงสุดในโลก รายงานระบุว่า จำนวนมหาเศรษฐีระดับ “เซนติมิลเลียนแนร์” (Centi-millionaire) หรือมีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 54% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเป็น 29,350 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและสหรัฐอเมริกา

Juerg Steffen ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Henley & Partners กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนนั้นน่าทึ่งที่สุด โดยจำนวนมหาเศรษฐีระดับร้อยล้านดอลลาร์ของจีนขยายตัวถึง 108% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน การเติบโตของจีนนั้นขับเคลื่อนโดยมหาเศรษฐีใหม่ระดับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่ร่ำรวยจากธุรกิจด้านเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ปัจจุบันมีมหาเศรษฐีระดับร้อยล้านอยู่ 2,350 คนในประเทศจีน

เมืองต่าง ๆ เช่น หางโจวและเซินเจิ้น ยังคงมีศักยภาพในฐานะศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ และอยู่ในรายชื่อเมืองที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นมากกว่า 150% ในด้านจำนวนประชากรมหาเศรษฐีภายในปี 2040 การขยายตัวทางเศรษฐกิจในสองเมืองนี้ ได้แซงหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งประเทศที่รัฐบาลตั้งไว้ 5% ไปแล้ว โดย GDP ของนครหางโจวเติบโต 6.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ในทำนองเดียวกันขณะที่เซินเจิ้นเติบโต 5.9% 

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศชะงักงัน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา อัตราการว่างงานที่ไม่แน่นอน และการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ แอนดรูว์ อามอยล์ส นักวิเคราะห์ความมั่งคั่งจาก New World Wealth ให้ความเห็นผ่าน CNBC ว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของมหาเศรษฐีจีนส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างปี 2013 ถึง 2020 และตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา จำนวนคนรวยสุดๆ เพิ่มขึ้นเพียง 10% เท่านั้น

วิกฤตเศรษฐกิจจีนยิ่งถูกซ้ำเติม ด้วยสงครามการค้าอันดุเดือดตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งและประกาศแผนจะขึ้นภาษีกับจีนอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ปลายปี 2024 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนเริ่มออกแผนรัดเข็มขัด ดังนั้น นโยบายการปราบปรามฟุ่มเฟือยอาจเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ผล เมื่อเศรษฐีจีนโชว์แบรนด์เนมต่างชาติ ทั้งกระเป๋าหรู สินค้าแฟชั่นไฮเอนด์ หรือเครื่องประดับหลักร้อยล้านลงในโซเชียลมีเดียไม่ได้ และคนจีนหันมาซื้อของจากต่างชาติน้อยลง อาจเป็นการปิดรูรั่วช่องทางหนึ่งที่เงินจะไหลออกนอกประเทศด้วย


แชร์
รัฐบาลจีนห้าม“อวดรวย” แบนคนดัง สั่งลบโพสต์ ขณะเศรษฐีใหม่ในจีนพุ่งพรวด